การระบาดของโควิด-19 สร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมการบิน และทำให้สายการบินตลอดจนสนามบินต่าง ๆ ทั่วโลก ต้องปรับลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ลง ยกเว้นค่าใช้จ่ายในด้านการประชาสัมพันธ์สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารที่จะเดินทางในช่วงการระบาดใหญ่นี้
Sean Donohue ประธานบริหารของท่าอากาศยานนานาชาติ Dallas-Forth Worth (DFW) ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ไม่ว่าสิ่งที่เรียกกันว่า New Normal หรือ 'ความปกติในรูปแบบใหม่' นั้นจะเป็นไปในทิศทางใด แต่สนามบิน DFW กำลังเปลี่ยนรูปแบบการบริการโดยเน้นให้ลูกค้าช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น พร้อมกับนำเทคโนโลยีไร้การสัมผัสมาใช้เพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุข
Donohue กล่าวอีกว่า เรื่องที่สนามบินได้รับการร้องเรียนเข้ามามากที่สุด ก็คือเรื่อง “ห้องน้ำ”
ขณะนี้สนามบิน DFW และสายการบิน American Airlines พยายามผลักดันให้มีระบบเช็คอินสัมภาระด้วยตัวเอง และเปลี่ยนห้องน้ำทั้งหมดให้เป็นระบบที่ไม่มีการสัมผัสใด ๆ ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
บริษัท Infax Inc. จะเป็นผู้ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ที่อ่างล้างมือ สบู่ ชักโครก และกระดาษเช็ดมือให้เป็นระบบที่ไม่มีการสัมผัส และระบบดังกล่าวจะแจ้งเตือนล่วงหน้าเวลาที่สิ่งของหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องน้ำใกล้จะหมด
นอกจากนี้ สนามบิน DFW กำลังทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการการฆ่าเชื้อที่ดีขึ้น เช่นการใช้เทคโนโลยีรังสีอัลตราไวโอเลตที่สามารถฆ่าเชื้อโรคก่อนที่จะไหลเวียนเข้าสู่ระบบ HVAC
DFW ใช้งบประมาณหลายล้านดอลลาร์ในเรื่องการทำความสะอาดและระบบสุขาภิบาลนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็ได้ระงับโครงการอื่น ๆ ที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก และลดต้นทุนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังลงประมาณ 20% เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19
สนามบินแห่งนี้ยังได้นำเทคโนโลยีแบบใหม่มาใช้ในการเช็คอินสัมภาระให้ผู้โดยสาร เช่น เมื่อปีที่แล้ว DFW เปิดใช้ระบบ Biometric หรือการใช้ใบหน้าของผู้โดยสารเป็น boarding pass หรือใบอนุญาตผ่านขึ้นเครื่องสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ และใช้เทคโนโลยี VeriScan สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมาถึง
ขณะที่สายการบิน Delta Air Lines เปิดอาคาร biometric แห่งแรกของสหรัฐฯ ที่แอตแลนตา ในปี พ.ศ. 2561 และสนามบินบางแห่งในยุโรปและเอเชียก็ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้แล้ว ทางสนามบินยังทดสอบเทคโนโลยีระบบไร้การสัมผัสในการตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงานเช่นกัน