นักประชากรศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษเตือนว่า ชาวเกาหลีใต้อาจสูญพันธุ์ ถ้าไม่เพิ่มอัตราการเกิดให้สูงกว่าที่เป็นอยู่
สำนักวิจัยของสภานิติบัญญัติของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ถ้าผู้หญิงเกาหลีไม่เพิ่มการมีบุตร ในอีก 700 กว่าปีข้างหน้า จะไม่มีชาวเกาหลีเหลืออยู่ในประเทศอีกต่อไป
อัตราการเกิดสำหรับผู้หญิงเกาหลีทุกคน เฉลี่ยแล้วเท่ากับ 1.19 และการวิจัยของสำนักวิจัยคาดการณ์ว่า ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง อีก 100 กว่าปีข้างหน้า ประชากรเกาหลีใต้จะลดลงจาก 50 ล้านคน ลงไปอยู่ที่ 10 ล้านคน อีกเกือบ 200 ปีต่อไปจะเหลือเพียง 3 ล้านคน และต่อจากนั้นอีกราวๆ 500 ปี ก็จะสูญพันธุ์เลย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หนังสือพิมพ์ Chosun Ilbo ในเกาหลีใต้รายงานว่า เมื่อราวๆ 8 ปีที่แล้ว นักประชากรศาสตร์ David Coleman ของมหาวิทยาลัย Oxford มีคำเตือนออกมาว่า เกาหลีใต้อาจเป็นประเทศแรกที่ประชาชนจะสูญพันธุ์
ยังมีอีกหลายประเทศในเอเชียและยุโรปที่อัตราการเกิดกำลังลดลง แม้จะยังไม่ลดลงไปต่ำเท่ากับเกาหลีใต้ อัตราการเกิดของญี่ปุ่นเวลานี้อยู่ที่ 1.4 และของเยอรมนีอยู่ที่ 1.43 เท่านั้น
การที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นจะมีปัญหากับอัตราการเกิดต่ำมากกว่าประเทศอื่นๆ ก็เพราะทั้งสองประเทศนี้มีผู้อพยพเข้าไปแทนที่ประชากรของประเทศที่ลดจำนวนลง น้อยกว่าที่อื่นๆ
เกาหลีใต้ยังมีปัญหาสำคัญอีกเรื่องหนึ่งด้วย Chosun Ilbo อ้างรายงานการศึกษาของ Korea Institute for Industrial Economics and Trade ที่คาดการณ์ว่า สมรรถภาพในการแข่งขันของชาวเกาหลีใต้ เปรียบเทียบกับของประเทศอื่นๆ อีก 28 ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือย่อๆ ว่า OECD ด้วยกันนั้น จะถูกลดอันดับจากที่ 17 ลงไปอยู่ที่ 21 ในอีกราวๆ 15 ปีข้างหน้า
สาเหตุสำคัญของการลดอันดับดังกล่าว คือการที่เกาหลีใต้มีประชากรในวัยทองเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ มีเด็กเกิดใหม่น้อย และในที่สุด รัฐบาลจะต้องเพิ่มอัตราภาษี เพื่อนำไปใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศอ่อนแอลง
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ในอเมริกา ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เกาหลีใต้เริ่มชักชวนให้ผู้หญิงมีลูกน้อยลงในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 หรือกว่า 50 ปีที่แล้ว ประธานาธิบดี Park Chun-Hee เป็นผู้นำประเทศในเวลานั้น และประธานาธิบดี Park Guen-hye ผู้นำคนปัจจุบันซึ่งไม่มีลูก เป็นลูกสาวคนโตของประธานาธิบดี Park Chun-Hee