ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลไทยยกเลิกกฏอัยการศึก และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 44 แทน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ Zeid Ra’ad Al Hussein ก็ได้มีแถลงการณ์ตำหนิรัฐบาลไทย โดยระบุว่าการยกเลิกกฏอัยการศึกครั้งนี้ยังไม่ใช่เรื่องน่ายินดี เพราะมาตรา 44 ที่นำใช้แทนนั้นมีความเข้มงวดกว่ากฏอัยการศึก และมีความคลุมเครือ อีกทั้งยังดูเหมือนเป็นการรวมศูนย์อำนาจไว้ทั้งหมด
โฆษกสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ Rupert Colville กล่าวว่าการประกาศใช้มาตรา 44 ก่อให้เกิดความกังวลอย่างยิ่ง เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางโดยผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ ขณะที่ทหารมีอำนาจมากมาย แม้แต่ทหารในชั้นรองๆ ลงไป
แถลงการณ์ของข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติระบุว่ามาตรา 44 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ยังให้อำนาจแก่นายก รมต. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการออกคำสั่งใดๆ ก็ตามทั้งของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ทำให้ขาดการตรวจสอบและการถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาลไทย ชี้ว่าสหประชาชาติยังไม่เข้าใจถึงประเด็นสำคัญของการประกาศยกเลิกกฏอัยการศึกครั้งนี้ ดร.ปณิธานระบุว่าหลังจากยกเลิกกฏอัยการศึก รัฐบาลได้ประกาศใช้คำสั่ง 14 ข้อเพื่อใช้ในการรักษาความสงบภายในประเทศแทน ซึ่งตนคิดว่าข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติพลาดประเด็นนี้ไป
ขณะเดียวกัน โฆษก Rupert Colville กล่าวว่าสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติยังกังวลต่อเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลทหารของไทย มีอำนาจในการควบคุมการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
โฆษกสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติกล่าวว่า ภายใต้คำสั่งใหม่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการแจกจ่ายและจำหน่ายหนังสือหรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ด้วยข้อบังคับที่คลุมเครือ คือระบุไว้เพียงแต่ว่าห้ามแจกจ่ายและจำหน่ายหนังสือหรือสื่อสิ่งพิมพ์ ที่อาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน หรือจงใจบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเท่านั้น
แถลงการณ์สำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ยังระบุด้วยว่าในส่วนของเสรีภาพในการชุมนุม ก็ยังคงถูกควบคุมเข้มงวดเช่นเดิม และมีบทลงโทษหนักสำหรับผู้ชุมนุมประท้วงหรือผู้ชุมนุมเกินห้าคนขึ้นไป
แถลงการณ์สหประชาชาติฉบับนี้ สรุปส่งท้ายด้วยการกระตุ้นให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้กฏหมายสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และนำกฏหมายพลเรือนทั่วไปกลับมาใช้ปกครองประเทศอีกครั้ง ดังที่ได้สัญญาไว้ภายหลังการยึดอำนาจเมื่อเดือน พ.ค ปีที่แล้ว
รายงานจากผู้สื่อข่าว Steve Herman / เรียบเรียงโดยทรงพจน์ สุภาผล