ตามนโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย รัฐบาลจะซื้อข้าวจ้าวจากชาวนาในราคาตันละประมาณ 15,000 บาทและเกือบ 20,000 บาทต่อตันสำหรับข้าวหอมมะลิ ซึ่งนับเป็นราคาที่สูงกว่าราคาประกันข้าวของรัฐบาลชุดก่อนราว 50 % และนาย David Dawe นักเศรษฐศาสตร์ขององค์การอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติ หรือ FAO กล่าวว่า แม้ราคาจำนำข้าวที่สูงขึ้นนี้อาจทำให้มีการผลิตข้าวมากขึ้นในระยะยาวก็ตาม แต่ในขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนต่างๆ อยู่มากเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายนี้ ทั้งในแง่การดำเนินงานตามนโยบาย และการที่รัฐบาลไม่สามารถซื้อข้าวทั้งหมดในตลาดมาอยู่ในมือได้ ทำให้รัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชน แต่คำถามที่น่าสนใจขณะนี้ก็คือเอกชนผู้ประกอบธุรกิจข้าวนั้นอาจไม่ต้องการซื้อข้าวในราคาจำนำถ้าจะต้องส่งออกในราคาที่ขาดทุน
คาดว่าผลผลิตข้าวไทยในปีนี้จะมีกว่า 20 ล้านตัน โดยครึ่งหนึ่งของผลผลิตนี้จะเพื่อการส่งออก และผลผลิตของปีหน้าก็คาดว่าจะใกล้เคียงกัน แต่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้พยากรณ์ว่าผลผลิตข้าวไทยอาจลดลงเหลือ 7 ล้านตันภายใต้นโยบายจำนำข้าวนี้
ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกมาตั้งแต่ปี 2524 โดยขณะนี้คู่แข่งสำคัญคืออินเดียกับเวียดนาม อินเดียได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสอง และคาดว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ ของไทย เช่นบราซิลกับปากีสถานก็จะเพิ่มการส่งออกข้าวเช่นกัน
นาย Samarendu Mohanty นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (IRRI) ในฟิลิปปิน์ชี้ว่า จากนโยบายจำนำข้าวนี้ รัฐบาลไทยจะต้องให้เงินอุดหนุนการส่งออกข้าว เพื่อให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นในตลาดโลกได้ และเงินอุดหนุนจำนวนมากนี้ก็จะมาจากเงินภาษีของประชาชนนั่นเอง นอกจากนั้นผลอีกอย่างก็คือราคาข้าวสำหรับตลาดในประเทศจะแพงขึ้น แต่ราคาข้าวในตลาดโลกจะถูกลงจากนโยบายจำนำข้าวและการให้เงินอุดหนุนของรัฐบาลไทย
ดร. อัมมาร์ สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณของสถาบัน TDRI และผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวคนหนึ่งของไทยกล่าวกับผู้สื่อข่าว VOA ว่า ผู้ที่จะได้ประโยชน์อย่างสำคัญจากนโยบายนี้คือผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ แต่ผู้ประกอบธุรกิจข้าวและผู้ส่งออกข้าวของไทยจะได้รับผลกระทบเนื่องจากราคาข้าวไทยใต้นโยบายจำนำข้าวนี้จะสูงกว่าราคาตลาดถึง 50 % และนโยบายเรื่องนี้ยังเสี่ยงต่อปัญหาคอรัปชั่นและการขาดงบประมาณสนับสนุนอย่างเพียงพอด้วย
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้เตือนว่า หากรัฐบาลไทยใช้วิธีให้เงินอุดหนุนข้าวเพื่อให้ราคาข้าวที่ส่งออกต่ำกว่าราคาที่ซื้อจากชาวนาแล้ว วิธีดังกล่าวอาจขัดต่อกฏเกณฑ์ขององค์การการค้าโลกได้