กลุ่มด้านสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมด้านประชาธิปไตยของไทยร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐลิดรอนสิทธิของประชาชนมากขึ้นรวมทั้งมีการใช้กำลังอย่างทารุณกับผู้ที่ถูกจับกุมโดยเฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา
โดยในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ กลุ่มด้านสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch ออกรายงานชื่อ World Report 2022 ที่ระบุว่า รัฐบาลไทยได้ใช้อำนาจเข้าปราบปรามกลุ่มเยาวชนผู้ต่อต้านรัฐบาลและวิพากษ์โจมตีเกี่ยวกับอำนาจของสถาบันกษัตริย์ นอกจากนั้น ผู้ที่ทำงานเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนก็ตกอยู่ใต้ความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายด้วย โดยรายงานของ Human Rights Watch ฉบับนี้ยังเสริมว่า การเคารพเรื่องสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยนั้นตกต่ำลงด้วย
เมื่อสองเดือนที่แล้ว กลุ่มเยาวชนผู้ประท้วงรัฐบาลร้องเรียนว่าพวกตนถูกกระทำทารุณขณะที่อยู่ใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากเหตุการณ์ประท้วงที่เขตดินแดง โดยในรายงานซึ่งเผยแพร่โดยสื่อ Al Jazeera เมื่อเดือนพฤศจิกายนนั้น นายอรรถสิทธิ นุสสะ นักกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยผู้หนึ่งกล่าวว่า ตนถูกกระทำอย่างทารุณขณะที่ถูกตำรวจควบคุมตัวอยู่ ส่วนเยาวชนไทยอีกคนหนึ่งก็อ้างว่า ตนถูกจี้ด้วยไฟฟ้าและถูกตำรวจใช้กำลังทุบตีด้วย
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลกับวีโอเอทางอีเมลว่า ทางกลุ่มได้พบเหตุการณ์หลายกรณีที่สถานีตำรวจดินแดง ซึ่งทนายความไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมและถูกสอบปากคำอยู่
ทางด้าน พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยอมรับกับวีโอเอว่า เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนหลายครั้งเรื่องการใช้กำลังในทางทารุณของตำรวจแต่ก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของคำร้องเรียนที่ว่านี้ โดยรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ใครก็ตามสามารถอ้างเรื่องการถูกทารุณโดยตำรวจขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ได้ และว่า กลุ่มผู้ประท้วงเหล่านี้สามารถจะพูดอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวของ Khaosod English ได้บอกกับวีโอเอว่า มีหลักฐานเกี่ยวกับการใช้กำลังอย่างทารุณกับผู้เรียกร้องประชาธิปไตยมานานพอสมควรแล้วแต่เจ้าหน้าที่ทางการก็มักปฏิเสธเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เขาได้โพสต์วิดีโอทาง Twitter เมื่อต้นปีที่แล้วที่แสดงภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เท้าเตะผู้ประท้วงคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนพื้นหลายครั้ง โดยนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ตั้งข้อสังเกตว่า หากตำรวจสามารถทำเรื่องนี้ในที่สาธารณะได้ก็คงไม่มีคำถามว่า ตำรวจอาจจะทำอะไรได้บ้าง
ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์ ด.ร. พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ จากคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็กล่าวเช่นกันว่า มีคำร้องเรียนเรื่องการใช้กำลังทารุณต่อผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยหลังจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 และว่า การใช้กำลังรุนแรงในลักษณะดังกล่าวกับผู้ต้องขังที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัวนั้น มักจะเป็นเรื่องราวที่ได้ยินกันเกี่ยวกับการปฎิบัติของตำรวจในประเทศไทย
สำหรับคุณชลธิชา แจ้งเร็ว แกนนำของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยและผู้ก่อตั้งขบวนการประชาธิปไตยใหม่ซึ่งตัวเธอเองได้ถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ยืนยันว่า การใช้กำลังอย่างรุนแรงของตำรวจนั้นยังคงเกิดขึ้นระหว่างการประท้วงแทบทุกครั้ง โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นบนท้องถนนระหว่างการประท้วงด้วย อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็มักจะอ้างว่านี่ไม่ใช่การใช้กำลังรุนแรงแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว กลุ่มด้านประชาสังคม 13 องค์กรซึ่งรวมถึงหน่วยงาน Amnesty International ได้ร่วมลงนามในจดหมายซึ่งส่งไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับสิทธิของประชาชนในประเทศไทยที่จะสามารถชุมนุมได้โดยสันติ
