มีชาว Uighur จากประเทศจีนมากกว่า 400 คนที่ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทย และถูกทางการไทยควบคุมตัวไว้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้
ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังรอฟังการพิจารณาจากทางการไทยเกี่ยวกับโชคชะตาของตน ทางการจีนได้เร่งรัดให้รัฐบาลไทยส่งตัวคนเหล่านี้กลับประเทศจีน อย่างไรก็ตามคนกลุ่มนี้ปฏิเสธว่าตนเป็นชาว Uighur และต้องการจะเดินทางต่อไปยังประเทศตุรกี
หลายประเทศ รวมทั้งจีนและสหรัฐ ได้หารือทางการทูตกับประเทศไทยในเรื่องคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 426 คน รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก กลุ่มหนึ่งนั้นถูกควบคุมตัวอยู่ในกรุงเทพฯ อีกกลุ่มหนึ่งที่จังหวัดสงขลา
เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นชาว Uighur ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในจังหวัด Xinjiang ของจีน ที่หลบหนีการเลือกปฏิบัติและการกดขี่ทางศาสนา
ทางการจีนได้ประกาศปราบปรามผู้ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน และได้มีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างชาว Uighur กับชาวจีนใน Xinjiang จนถึงกับมีการเสียชีวิตมาแล้ว
นาย Phil Robertson รองผู้อำนวยการในเอเชียขององค์กร Human Rights Watch (HRW) กล่าวว่า ได้เห็นรายงานข่าวที่อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ไทยโดยไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นความเห็นของทางการจีนที่ว่า คนเหล่านี้เป็นผู้ก่อการร้าย และมีเจตนาร้ายต่อประเทศไทย ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้เป็นผู้หญิงและเด็ก
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากสถานทูตตุรกีในกรุงเทพฯ ได้สนทนากับผู้แทนของคนกลุ่มนี้ และรายงานข่าวกล่าวว่า นักการทูตตุรกีสงสัยว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้มาจากตุรกี เพราะพูดภาษาตุรกีได้ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม กำลังมีการเจรจากันเพื่อให้คนกลุ่มนี้บางส่วนหรือทั้งหมด เดินทางต่อไปยังตุรกี ซึ่งมีชาว Uighur จำนวนไม่น้อยพำนักอาศัยอยู่ที่นั่นแล้ว แต่ถ้าการเจรจาประสบความล้มเหลว รองผู้อำนวยการในเอเชียของ HRW กล่าวว่า ประเทศไทยควรให้สหประชาชาติได้พบกับคนกลุ่มนี้เพื่อกำหนดสถานภาพว่าเป็นผู้ลี้ภัย ถ้าหากว่าพวกเขาเป็นชาว Uighur จริง
นักต่อสู้เคลื่อนไหวบางรายเชื่อว่า มีผู้นำทางลักลอบนำคนเหล่านี้เข้ามายังประเทศไทย โดยเดินทางออกมาจากจังหวัดยูนนานของจีน ผ่านเวียตนามและกัมพูชาเข้าไทย โดยมีมาเลเซียเป็นเป้าหมาย
รายงานข่าวที่ตีพิมพ์ไว้ก่อนหน้านี้ระบุว่า กรุงกัวลา ลัมเปอร์ของมาเลเซีย เป็นจุดตั้งต้นในการเดินทางเข้ายุโรปสำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางปลอมหรือที่ลักขโมยมา