นางสาวอิรวดี มาครีส หรือ หนูดี นักฟุตบอลลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัยเพียง 20 ปี ที่แม้จะเติบโตในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่งวัยเยาว์ แต่เธอก็ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยด้วยความภาคภูมิใจ ที่ได้รับใช้แผ่นดินของมาตุภูมิ
"ที่จริงอยากมาคัดตัว(เล่นทีมชาติมาตั้งแต่เด็ก) แต่ไม่รู้ว่าจะมายังไง หนูเกิดที่อเมริกาก็จริงแต่คุณแม่ก็สอนให้เป็นคนไทยด้วย ทุกปีแม่ก็จะพากลับเมืองไทย และไม่คิดว่าตัวเองเป็นเด็กฝรั่ง แต่เป็นเด็กไทย" อิรวดี มาครีส นักฟุตบอลหญิงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน
ในฐานะเด็กลูกครึ่งที่เติบโตในต่างแดน ทำให้เธอเพิ่งมีโอกาสร่วมคัดตัวนักฟุตบอลทีมชาติไทยเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเฟอร์แมน (Furman University) รัฐเซาท์ แคโรไลน่าซึ่งเธอเคยเป็นนักฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัยมาก่อน
"เพิ่งกลับมาเมืองไทยหลังจากเรียนจบ คิดว่าจะมาสอนภาษาอังกฤษ พอได้ยินข่าวว่ามีการคัดตัวก็เลยคิดว่าอยากกลับมาเล่นบอลก็เลยมาขอคัดตัว เพราะเล่นมาตั้งแต่เด็ก และเล่นในระดับมหาวิทยาลัยที่อเมริกาด้วย" อิรวดี มาครีส นักฟุตบอลหญิงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน
สำหรับฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกรอบสุดท้ายครั้งนี้ หนูดี มองว่า ทีมชาติไทยมีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้ไม่น้อยหากทุกคนในทีมมีความมุ่งมั่นและเน้นเล่นบอลกับพื้น
การเข้าร่วมคัดตัวและฝึกซ้อมในนามทีมชาติ ‘หนูดี’ ลูกครึ่งสาวไทย-อเมริกันคนนี้ มีส่วนสร้างปรากฎการณ์และแนวคิดสำคัญ ที่ผู้จัดการทีมและทีมงาน โดยเฉพาะคุณหนึ่งฤทัย สระทองเวียน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลหญิงไทย เริ่มต้นมองหานักเตะลูกครึ่งคนไทยจากต่างประเทศที่ต้องการเล่นฟุตบอลในนามทีมชาติไทยมากขึ้นในอนาคต
หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยย้ำว่า นักเตะชาวไทยหรือลูกครึ่งไทยที่มีประสบการณ์การเล่นในต่างแดนโดยเฉพาะในประเทศที่ฟุตบอลหญิงเป็นที่นิยมอย่างอเมริกา จะมีส่วนเข้ามาเติมเต็มความแข็งแกร่งของทีมในอนาคต
"ก็ถือว่าเด็กไืทยเราได้ไปฝึกตั้งแต่ต้นในประเทศที่มีการพัฒนาฟุตบอลอย่างถูกวิธี ทำให้เป็นต้นแบบในหลายๆอย่าง ไม่ว่าทัศนคติในการเล่น ความเป็นมืออาชีพ..เชื่อว่าคนไทยในแต่ละประเทศต้องมีนักฟุตบอลหญิิงที่มีความสามารถอย่างน้อย 2-3 คนแต่ละประเทศ ถ้ารวมประเทศต่างๆทั่วโลกประเทศละ 1-2 คน สัก 10 ประเทศก็อาจจะได้นักเตะที่ดี 20 คนแล้ว แต่ที่ผ่านมาอาจจะติดในเรื่องความไม่สะดวกในการเดินทางหรือภารกิจส่วนตัว ซึ่งเราน่าจะประสานและหาทางออกในเรื่องนี้"
แม้ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยจะผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศแคนาดาได้สำเร็จเป็นครั้งแรก แต่หลายคนก็ไม่อยากให้เป็นครั้งสุดท้ายและต้องการที่จะยกระดับของทีมชาติให้สามารถต่อกรกับทีมระดับโลกได้มากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดรากฐานและการบริหารจัดการที่ดี พรุ่งนี้มีมุมมองและแนวทางการพัฒนาวงการฟุตบอลหญิงไทยที่เชื่อว่าจะแก้ปัญหาและช่วยส่งเสริมให้ทีมชาติไทยสามารถยืนระยะและรักษาผลงานที่ดีต่อไปในอนาคต