'กิตตินันท์ ยิ่งเจริญ' เป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในอาคารเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ขณะเกิดเหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนอาคาร ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 หรือเมื่อ 15 ปีก่อน
คณกิตตินันท์ เล่าให้วีโอเอภาคภาษาไทยฟังว่า ในวันเกิดเหตุเขาเดินทางไปถึงที่ทำงานเร็วกว่าปกติ ราวๆ 8.30 น. ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีใครอยู่ที่สำนักงาน แต่เพียงไม่กี่อีดใจก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ผิดปกติ
'พอใกล้ถึงโต๊ะทำงาน ผมมีความรู้สึกว่าพื้นที่เราเหยียบอยู่ มันโยก คือแก้วกาแฟกระเพื่อม แต่ไม่มีเสียงอะไรเลย ก็เลยเข้าใจว่าต้องเป็นแผ่นดินไหวแน่ๆ เพราะไม่ได้ยินเสียงระเบิด ระหว่างที่กำลังสับสน มองออกไปนอกหน้าต่างก็มองเห็นพวกซากปูนต่างๆร่วงลงมา ผ่านกระจกใสๆ ด้านนอก ก็เลยแน่ใจว่าต้องมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น'
ขณะนั้นคุณกิตตินันท์ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่นครนิวยอร์ค ซึ่งในเวลานั้นมีหลายหน่วยงานของไทยเช่าพื้นที่สำนักงานอยู่บนชั้น 37 ภายในอาคารเวิร์ลเทรดฯ
นาทีหนีตาย! ไม่ทราบชะตากรรม
หลังเกิดเหตุ หลายคนในอาคารยังไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทราบแต่เพียงว่าทุกคนรับรู้ถึงความไม่ปกติและพยายามหนีเอาตัวรอด เพื่อออกจากตึกผ่านทางบันไดหนีไฟ เพราะการขาดติดต่อจากภายนอก ทำให้ทุกคนไม่ทราบว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร
'ระหว่างที่เราอยู่ในช่องบันไดหนีไฟ ซึ่งไม่ใช่ว่าเปิดได้สะดวก เพราะเปิดประตูเข้าไปคนเต็มหมดแล้ว แน่นไปหมดในช่องเดินทาง ก็พูดคุยกัน แต่ที่คนยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะโทรศัพท์มือถือใช้การไม่ได้ สัญญานไม่มี ทุกคนพยายามกดแต่สัญญานไม่มี'
สุดเศร้า ! คนถูกเผาไหม้เกรียมหนีลงบันไดเอาชีวิตรอด
ท่ามกลางความโกลาหล และสับสนของผู้คนที่หาทางเอาชีวิตรอดในบันไดหนีไฟ คุณกิตตินันท์ต้องพบกับสิ่งที่ต้องจดจำมากมาย และไม่ค่อยได้ถ่ายทอดออกมาเป็นเวลากว่า 15 ปี หลายผู้คนหลายความทรงจำคือการพบเจอและจากอย่างไม่มีวันกลับ
'พอลงไปได้ไม่กี่ชั้น ก็มีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้น หลังจากมีคนตะโกนมาจากชั้นบนๆ ว่าขอให้คนเจ็บลงไปก่อน ทุกคนก็พยายามเบี่ยงตัวให้คนเจ็บลงไปก่อน แต่เพียงแค่หันไปมองเท่านั้น ปรากฏว่าคนเจ็บโดนไฟไหม้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ทราบว่าเป็นผู้หญิงผู้ชาย คึอไหม้จนผิวหนังร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ ดำๆ แต่คงด้วยอารามตกใจ เขาคนนั้นต้องลงไปเอง ไม่มีใครอุ้มได้ เพราะบันไดค่อนข้างแคบและคนแน่นไปหมด
พอเห็นคนเจ็บคนนั้นลงไปแล้ว ผู้หญิงบางคนก็เริ่มร้องไห้แล้ว เพราะเชื่อว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น แต่จะด้วยสาเหตุอะไรนั้น ไม่มีใครทราบ' คุณกิตตินันท์เล่าเหตุการณ์สยองและบรรยากาศในทางบันไดหนีไฟในขณะนั้น
'พนักงานดับเพลิง ผู้ไม่มีวันกลับ'
หลังจากเดินลงมาไม่นานนัก คุณกิตตินันท์ ได้พบกับพนักงานดับเพลิงกลุ่มแรกที่พยายามขึ้นไประงับเหตุเพลิงไหม้
'หลังจากนั้นก็เริ่มมีพนักงานดับเพลิงเดินสวนขึ้นมา ตอนนั้นน่าจะสักประมาณชั้น 20 กว่าๆ ก็ลองคิดดูนะครับว่าชุดพนักงานดับเพลิงหนักแค่ไหน แล้วแบกอุปกรณ์หนักๆ สวนขึ้นมา ณ ตอนนั้นผมยังจำหน้าพวกเขาได้ทั้งหมดเลย ที่เขาเดินสวนๆขึ้นไป แต่ละคนก็เริ่มหายใจไม่ออกแล้ว เพราะว่าเขาเหนื่อย กับการเดินขึ้นตึก 20 ชั้นพร้อมอุปกรณ์ ซึ่งเป้าหมายที่เขาจะขึ้นไปปฏิบัติการอยู่ที่ประมาณชั้นที่ 70 กว่า'
(แล้วพนักงานดับเพลิงที่สวนขึ้นไป ? : วีโอเอ ถาม) "......เชื่อว่า ตายหมดครับ ก็คือพนักงานดับเพลิงทั้งหมดในวันนั้นตาย 300 กว่าคน รวมไปถึงชุดแรกๆ ที่สวนผมขึ้นไปนั้น ผมมั่นใจว่าพวกเขาไม่กลับลงมา"
โลกที่ไม่เหมือนเดิมของอาคาร 'เวิร์ลเทรด เซ็นเตอร์'
คุณกิตตินันท์บอกว่าเขาใช้เวลานานกว่า 40 นาที เดินลงมาจากชั้น 37 ร่วมกับผู้คนจำนวนมากที่หนีตายผ่านบันไดหนีไฟ ก่อนจะเดินทางลงมาถึงชั้นล่างสุดของอาคารเวิร์ลเทรดในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม
'ผมลงมาถึงข้างล่างจะมีเจ้าหน้าที่ไล่ต้อน ไม่ให้หันไปมองข้างหลัง ก็พยายามต้อนออกมาให้เร็วที่สุด พยายามเดินเรียงหนึ่งกันออกไป พอผมลงมาถึงชั้น 1 ผมมองดูรอบอาคารมันเหมือนกับสภาพหลังสงคราม คล้ายๆ กับว่ามันโดนระเบิด โดนไฟเผา อะไรแบบนั้น มันเลยรู้สึกแปลกๆ มันเป็นวิวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ว่าชั้น 1 เป็นแบบนี้ เป็นภาพที่ไม่คุ้นตา ตามพื้นก็เริ่มมองเห็นว่ามีหยดเลือดอยู่ตามพื้น'
คุณกิตตินันท์ บอกว่า เพิ่งทราบภายหลังว่าสภาพชั้นล่างของอาคารเสียหายเพราะแรงระเบิด ลูกไฟของน้ำมันเครื่องบินตกลงมาชั้นล่างพร้อมกับลิฟท์ด้วยความแรงจนเกิดแรงระเบิดกระจายทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ปัจจุบัน คุณกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ยังคงรับราชการและได้กลับมารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในสหรัฐอเมริกา อีกครั้ง ซึ่งเขาบอกว่า เหตุการณ์ วันที่ 11 กันยายน แม้จะถือเป็นวันที่เจอเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็ถือเป็นวันที่เขาได้เกิดใหม่อีกวันหนึ่งด้วย