คณะผู้แทนประเทศต่างๆทั่วโลกร่วมงานถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่กรุงวอชิงตัน ขณะที่ผู้แทนรัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯยกย่องพระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง
สถานเอกอัคราชทูตไทย กรุงวอชิงตัน จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา และเชิญคณะผู้แทนประเทศต่างๆทั่วโลกเพื่อร่วมถวายพระพรและร่วมเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ กรุงวอชิงตัน โดยมีนายวิชาวัฒน์ อิสรภักดี เอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เป็นตัวแทนฝ่ายไทยขึ้นกล่าวถวายพระพร ขณะที่ นาย Patrick Kennedy รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และนาย Michael Grimm ส.ส.พรรคริพับริกัน ในฐานะประธานร่วมของกลุ่ม Friends of Thailand ในรัฐสภา ขึ้นกล่าวเป็นตัวแทนชาวสหรัฐฯ
Patrick Kennedy รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ บอกว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานในวาระพิเศษของการเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมเฉลิมฉลองวันสำคัญของชาวไทยทุกคน นอกจากนี้ยังกล่าวว่า สหรัฐฯพร้อมจะสนับสนุนเสียงของประชาชนชาวไทยและความมุ่งมาดปราถนาของประชาชนชาวไทย
ขณะที่ นาย Michael Grimm สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคริพับลิกัน ในฐานะประธานร่วมของกลุ่ม Friends of Thailand ในรัฐสภาสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอ ภาคภาษาไทยว่า ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวไทยมายาวนาน ซึ่งจะเห็นได้จากความสงบเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ เพราะอย่างน้อยแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างเคารพและเทิดทูนในพระองค์ท่านและเชื่อว่าจะสามารถเชื่อมโยงช่องว่างความขัดแย้งระหว่างกันได้
ขณะที่ Adam Kinzinger สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคริพับลิกัน และประธานร่วมของกลุ่ม Friends of Thailand ในรัฐสภา ที่ไปร่วมถวายพระพรในงานด้วย ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอ ภาคภาษาไทยว่า แม้สหรัฐฯจะไม่มีพระมหากษัตริย์เหมือนประเทศไทย แต่ก็สามารถเข้าใจว่าพระองค์ทรงมีความหมายสำคัญต่อชาวไทย และสามารถทำให้คู่ความแตกต่างทั้งสองฝั่งหยุดการเผชิญหน้าแล้วหันมาร่วมเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงมีความหมายอย่างมากต่อคนไทยทั้งประเทศ
การจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา นอกจากผู้แทนแต่ละประเทศจะได้ร่วมถวายพระพรต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีโอกาสได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์จากประเทศไทยและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจชาวไทยทั้งชาติได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังส่งผลดีต่อสร้างความเข้าใจและการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศได้อีกด้วย
สถานเอกอัคราชทูตไทย กรุงวอชิงตัน จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา และเชิญคณะผู้แทนประเทศต่างๆทั่วโลกเพื่อร่วมถวายพระพรและร่วมเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ กรุงวอชิงตัน โดยมีนายวิชาวัฒน์ อิสรภักดี เอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เป็นตัวแทนฝ่ายไทยขึ้นกล่าวถวายพระพร ขณะที่ นาย Patrick Kennedy รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และนาย Michael Grimm ส.ส.พรรคริพับริกัน ในฐานะประธานร่วมของกลุ่ม Friends of Thailand ในรัฐสภา ขึ้นกล่าวเป็นตัวแทนชาวสหรัฐฯ
Patrick Kennedy รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ บอกว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานในวาระพิเศษของการเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมเฉลิมฉลองวันสำคัญของชาวไทยทุกคน นอกจากนี้ยังกล่าวว่า สหรัฐฯพร้อมจะสนับสนุนเสียงของประชาชนชาวไทยและความมุ่งมาดปราถนาของประชาชนชาวไทย
ขณะที่ นาย Michael Grimm สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคริพับลิกัน ในฐานะประธานร่วมของกลุ่ม Friends of Thailand ในรัฐสภาสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอ ภาคภาษาไทยว่า ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวไทยมายาวนาน ซึ่งจะเห็นได้จากความสงบเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ เพราะอย่างน้อยแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างเคารพและเทิดทูนในพระองค์ท่านและเชื่อว่าจะสามารถเชื่อมโยงช่องว่างความขัดแย้งระหว่างกันได้
ขณะที่ Adam Kinzinger สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคริพับลิกัน และประธานร่วมของกลุ่ม Friends of Thailand ในรัฐสภา ที่ไปร่วมถวายพระพรในงานด้วย ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอ ภาคภาษาไทยว่า แม้สหรัฐฯจะไม่มีพระมหากษัตริย์เหมือนประเทศไทย แต่ก็สามารถเข้าใจว่าพระองค์ทรงมีความหมายสำคัญต่อชาวไทย และสามารถทำให้คู่ความแตกต่างทั้งสองฝั่งหยุดการเผชิญหน้าแล้วหันมาร่วมเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงมีความหมายอย่างมากต่อคนไทยทั้งประเทศ
การจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา นอกจากผู้แทนแต่ละประเทศจะได้ร่วมถวายพระพรต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีโอกาสได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์จากประเทศไทยและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจชาวไทยทั้งชาติได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังส่งผลดีต่อสร้างความเข้าใจและการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศได้อีกด้วย
