องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ปฏิเสธข่าวการขึ้นบัญชีห้ามนำเข้าน้ำปลาจากผู้ผลิตไทยบางรายตามที่สื่อไทยรายงานในสัปดาห์นี้
ปีเตอร์ แคสเซลล์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารมวลชนขององค์การอาหารและยาอเมริกัน บอกว่าวีโอเอภาคภาษาไทยว่า หลังจากที่ได้ตรวจสอบระบบข้อมูลของหน่วยงาน ไม่พบว่ามีการแจ้งเตือนเรื่องการนำเข้า หรือ ‘Import Alert’ น้ำปลาจากประเทศไทยในขณะนี้
เขากล่าวว่า บางครั้งการขอข้อมูลเพิ่มอาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการนำเข้าสินค้าเข้ามายังสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้เป็นงานที่ฝ่ายศุลกากรสหรัฐฯและ FDA มีอำนาจร่วมกัน
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สื่อไทยรายงานโดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทย ที่นครนิวยอร์ก ซึ่งระบุว่า FDA สหรัฐฯ ห้ามนำเข้าน้ำปลาจากผู้ผลิตบางรายของไทย เนื่องจากอาจไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค
เอกสารของสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่นิวยอร์ก ลงวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ระบุว่า มีบริษัทในไทย 4 แห่งที่อยู่ในสถานะ ‘Import Alert’ เรื่องการนำเข้าน้ำปลามาสหรัฐฯ ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2552 ถึง พ.ศ. 2561
ขณะเดียวกัน วีโอเอไทยตรวจสอบเอกสารบนเว็บไซต์ของ FDA และพบว่าเมื่อ 4 ปีก่อน องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ส่งหนังสือเตือนไปยังบริษัทไพโรจน์ (ทั่งซังฮะ) จำกัด
จดหมายฉบับดังกล่าวของ FDA กล่าวว่าพบความผิดปกติของการผลิตน้ำปลา ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของเกณฑ์ที่ FDA ใช้อ้างอิงสำหรับมาตรฐานสินค้าอาหารทะเลภายใต้ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points) ซึ่งเป็นแนวทางวิเคราะห์ความปลอดภัยของอาหาร
FDA ระบุว่าในจดหมายว่าบริษัทต้องแจ้งกลับมาภายใน 15 วัน โดยบอกแนวทางดำเนินการเพื่อปรับปรุงมาตรฐาน และหากไม่ทำตาม อาจถูกสั่งกักสินค้าที่นำมาขายในสหรัฐฯ
ตามเอกสารของสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่นิวยอร์ก ผู้บริหารของบริษัทไพโรจน์ (ทั่งซังฮะ) จำกัด กล่าวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยว่า ได้ปรับปรุงมาตรฐานการควบคุมอันตราย รวมทั้งจัดส่งแผนด้านความปลอดภัยของอาหารตามแนวทาง HACCP แล้ว แต่สินค้าของบริษัทยังอยู่ในบัญชีที่ถูกกักกัน
วีโอเอสัมภาษณ์ปีเตอร์ แคสเซลล์ ของ FDA เพื่อขอความกระจ่างว่าเหตุใด ระบบข้อมูลขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ จึงไม่แสดงผลว่ามีบริษัทน้ำปลาของไทยอยู่ในบัญชี ‘Import Alert’ แต่ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุชื่อบริษัทไทย 4 รายว่าถูกห้ามนำเข้านำปลามาสหรัฐฯ
ปีเตอร์ แคสเซลล์ กล่าวว่า ความเป็นไปได้หนึ่งคืออาจมีการเข้าใจที่แตกต่างในคำว่า ‘Import Alert’ อย่างไรก็ตามเขาจะตรวจสอบกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อไป