ในช่วงสุดสัปดาห์ มีการประชุมแถลงข่าวของทางการตำรวจเมื่อวันเสาร์ โดยพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศการจับกุมตัวบุคคลผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติวัย 28 ปี โดยทางการตำรวจยังไม่ทราบว่า บุคคลผู้นี้ถือสัญชาติประเทศใด
ทางการตำรวจยังได้เก็บหลักฐานในการจับกุมบุคคลผู้นี้ด้วย และได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อบุคคลผู้นี้แล้วว่า มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง
การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นที่อาคารอพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่งในบริเวณหนองจอก
ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ทางการตำรวจยังเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะยังดำเนินการสืบสวนอยู่ต่อไป และว่าทางการฯ กำลังแสาะหาตัวบุคคลที่สองที่ยังอาจอยู่ในประเทศไทย หรือเดินทางหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
สำหรับผู้ที่ถูกจับตัวนั้น ถือหนังสือเดินทางของประเทศตุรกี แต่ทางการตำรวจกล่าวว่า เป็นหนังสือเดินทางปลอม และยังพบหนังสือเดินทางอื่นๆ ในอพาร์ทเม้นต์แห่งนั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกกับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ว่า สถานเอกอัครราชทูตตุรกีในกรุงเทพฯ ได้ปฏิเสธว่าบุคคลผู้นั้นเป็นพลเมืองของตุรกี
ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวไว้ด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่อาจมีสมาชิกมากถึง 10 คน และเริ่มเดินทางเข้าประเทศไทยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
แต่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศที่ใหญ่กว่านี้
การดำเนินการจับกุมบุคคลต้องสงสัยเมื่อวันเสาร์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าร่วมปฏิบัติการราวๆ 100 คน มีขึ้นหลังจากทางการฯ ได้รับเบาะแสจากเจ้าของอาคารอพาร์ทเม้นต์ ว่าบุคคลผู้นี้ไปเช่าห้อง 5 ห้องในชั้นเดียวกันเพียงไม่กี่วันก่อนการวางระเบิด
ตามรายงานของสำนักข่าว Reuters ซึ่งอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจสันติบาล ระบุว่า ห้องเช่าสองห้องที่ผู้ต้องสงสัยใช้อยู่ในอพาร์ทเม้นต์ เต็มไปด้วยส่วนประกอบสำหรับการผลิตระเบิด รวมทั้งปุ๋ย Urea, TNT, C-4 และ sodium carbonate
ส่วนชนวน ท่อเหล็ก และลูกปืนจากตลับลูกปืนที่พบ เหมือนกับของที่ใช้ในการวางระเบิดที่ศาลพระพรหมและที่ท่าน้ำสาทร
(รายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอประจำกรุงเทพฯ Steve Herman)