นายมนัสวี ศรีโสดาพล เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เปิดเผย กับ ‘วีโอเอ ภาคภาษาไทย’ ถึงความคืบหน้าการส่งมอบวัคซีนบริจาคของสหรัฐฯ จำนวน 1 ล้านโดส เพิ่มเติมจากวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ชุดแรก 1.5 ล้านโดส ที่บริจาคให้ไทยไปแล้วเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ว่า ฝ่ายสภาความมั่นคงของสหรัฐฯ เพิ่งติดต่อนัดหมายการประชุมคณะทำงานเพื่อจัดส่งวัคซีนจำนวนดังกล่าวแล้วเป็นครั้งแรกในสัปดาห์หน้า (27 ก.ย.-1 ต.ค. 2564)
“ทางฝ่ายสหรัฐฯ จะขอนัดประชุม คณะทำงานไทย-สหรัฐฯเพื่อการส่งมอบวัคซีน โดยเสนอที่จะจัดประชุมอาทิตย์หน้า ซึ่งถือว่าเป็นการกดปุ่มเริ่มต้นกระบวนส่งมอบอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อการประชุมคณะทำงานเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ อันนั้นก็คือจุดเริ่มต้น การแจ้งนัดประชุมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด..”
ที่ผ่านมาทางฝ่ายสหรัฐฯ ยังไม่ให้สัญญานมาว่าจะส่งมอบเมื่อไหร่ แต่วันนี้ (24 ก.ย.) ที่เราได้รับแจ้งว่าจะขอประชุมคณะทำงานในสัปดาห์หน้า ก็ถือว่าเป็นสัญญานที่ชัดเจนแล้วว่า การส่งมอบได้เริ่มต้นแล้วมนัสวี ศรีโสดาพล เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน
เอกอัครราชทูตไทย ที่ กรุงวอชิงตัน ย้ำว่า ก่อนหน้านี้ได้ประสานกับหลายหน่วยงานของสหรัฐฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าวัคซีนจำนวนนี้มาตลอด
"เรารอมาสักพักนึงแล้ว เพราะครั้งแรกที่เราได้ข่าวว่าเราจะได้รับการบริจาควัคซีนอีก 1 ล้านโดส จากท่าน ส.ว.ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ ที่ท่านกรุณาแจ้งทางสถานทูตฯ และกับประเทศไทย (เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา) ก็ระยะเวลาก็ผ่านไปนาน.." นายมนัสวี กล่าว
"ทางสถานทูตเองเราก็ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เกือบจะเรียกได้ว่าทุกสัปดาห์ โทรไปทั้งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โทรไปทั้งทำเนียบขาว ทั้งสภาความมั่นคงของสหรัฐฯ หยิบยกขึ้นกับ สว. สส. ต่างๆ ที่เราได้ไปพบว่าเพื่อขอให้เร่งการส่งมอบวัคซีน..เพราะเป็นช่วงที่ไทยกำลังประสบสภาวะความยากลำบาก เราก็อยากจะเห็นประชาชนคนไทย เข้าถึงวัคซีนเพิ่มเติม"
ยืนยันไม่เคยมีเอกสารส่งมอบวัคซีนจากทางสหรัฐฯ
ขณะเดียวกันในส่วนของเอกสารการส่งมอบวัคซีน นั้น นายมนัสวี ยืนยัน ว่า ทั้งทางการสหรัฐฯ และทางการไทย ไม่เคยมีการจัดทำเอกสารหรือ ร่างเอกสารใดๆ เกี่ยวกับวัคซีนบริจาคในชุดนี้มาก่อน เพราะรายละเอียดในเอกสารจะต้องเป็นไปตามกรอบการพูดคุยในที่ประชุมของคณะทำงาน โดยเชื่อว่าการส่งมอบในครั้งนี้น่าจะยึดรูปแบบจากครั้งก่อนเป็นแนวทางและคาดการณ์ว่าระยะเวลาเร็วสุดน่าจะจัดส่งถึงไทยได้ภายในเดือนตุลาคม นี้
“เอกสารยังไม่มีการส่งมอบ ยังไม่มีการพูดคุยกันแม้กระทั่งนิดเดียว ไม่มีการยื่น หรือ ไม่มีการเสนอ เพราะขั้นตอนเอกสารนี้จะไปเกิดขึ้นตอนที่มีการประชุมคณะทำงานมนัสวี ศรีโสดาพล เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน
นายมนัสวี กล่าวว่า ลักษณะเอกสารในการหารือ จะประกอบด้วย 3 อย่าง แต่จะส่งมอบครั้งนี้จะเป็นอย่างเดียวกัน กับการส่งมอบครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจเพราะขั้นอยู่กับการประชุม
"แต่ครั้งที่แล้ว (ในเอกสาร) เป็นความตกลงระหว่างไทย-สหรัฐฯ ว่าจะมีการส่งมอบวัคซีนที่จะมีของฝ่ายสหรัฐฯ ที่เขาจะต้องทำความตกลงกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีน และก็มีของรัฐบาลไทยที่จะต้องทำเอกสารแยกความตกลงกับบริษัทส่งวัคซีน เพราะฉะนั้นอันนี้คือกระบวนทางเอกสาร ที่ยังไม่ได้เริ่มต้น และยังไม่มีการส่งเอกสาร หรือร่างเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับชุดวัคซีน 1 ล้านโดสครั้งนี้ แต่ในการประชุมคณะทำงาน (สัปดาห์หน้า) กระบวนการทำเอกสารนี้ก็จะเริ่มต้น"
" ในลำดับที่สองที่ประชุมจะคุยกัน ก็คือขั้นตอนของการส่งมอบ เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้ส่งมอบผ่านโคแว๊กซ์ (COVAX) ครั้งนี้ก็คงจะไม่ผ่านโคแว๊กซ์อีก แต่จะผ่านโดยตรงถึงไทย การส่งมอบก็น่าจะเป็นทางเครี่องบิน แล้วก็จะถามว่าเรามีตู้เก็บรักษา หรือ ขั้นตอนพร้อมหรือไม่ เพื่อเอื้อให้เกิดการใช้วัคซีนในระยะที่วัคซีนมีอายุ และอันที่สามก็จะเป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ว่าจะประชาสัมพันธ์เรี่องนี้จังหวะไหน เมื่อมีการส่งมอบเช่นเดียวกับการส่งมอบครั้งที่แล้ว” นายมนัสวี กล่าวกับ วีโอเอ ไทยฃ
รายงานข่าวระบุว่า รายชื่อหน่วยงานที่จะส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมคณะทำงานส่งมอบวัคซีนในครั้งนี้ของสหรัฐฯ จะประกอบด้วย ผู้แทนจากคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 จากทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ที่จะส่งตัวแทนหารือร่วมกับคณะทำงานของฝ่ายไทย ซึ่งประกอบด้วย สถานเอกอัครราชทูตไทย กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตไทย เปิดเผยด้วยว่า สำหรับวัคซีน Pfizer จำนวน 30 ล้านโดสที่รัฐบาลไทยสั่งซื้อนั้น มีกำหนดจัดส่งให้ครบภายในปีนี้ โดยจะเริ่มต้นจัดส่งตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นชุดแรก
นอกจากนี้เอกอัครราชทูตไทย ยังแสดงความขอบคุณไปยัง พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทยที่ช่วยอนุเคราะห์และประสานงานในหลายด้าน และได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถานเอกอัครราชทูตไทยมาตลอด
“ขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะ วุฒิสมาชิก แทมมี ดักเวิร์ธ เพราะที่ผ่านมาท่านได้ให้ความอนุเคราะห์กับประเทศไทย ติดต่อมายังสถานทูตฯ ผมติดต่อไปท่านก็รับสายตลอดเวลา และท่านก็ช่วยผลักดันให้ไทยในหลายๆเรื่องๆ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องวัคซีน เราก็ถือว่าท่านเป็นคนไทยชาวสหรัฐฯ ที่เป็นมิตรแท้ของประเทศไทย “