บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เทสลา (Tesla) สั่งเรียกคืนรถจำนวนกว่า 817,000 คัน จากตลาดในสหรัฐฯ หลังมีรายงานว่า ระบบเสียงเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยไม่ทำงาน แม้หลังเครื่องติดและผู้ขับนั่งประจำที่แล้ว ตามรายงานของสำนักข่าว เอพี
ข้อมูลที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยเผยแพร่ออกมาในวันพฤหัสบดีระบุว่า การเรียกคืนรถรอบล่าสุดของผู้ผลิตรถพลังงานไฟฟ้ารายนี้มีผลกับรถยนต์ส่วนบุคคลรุ่น โมเดล เอส (Model S) และโมเดล เอ็กซ์ เอสยูวี (Model X SUV) ที่ผลิตออกมาในช่วงปี ค.ศ. 2021 และ 2022 รวมทั้ง โมเดล 3 (Model 3) ที่ผลิตในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2017 และ 2022 และโมเดล วาย เอสยูวี (Model Y SUV) ที่ผลิตออกมาระหว่างปี ค.ศ. 2020 และ 2022
ทั้งนี้ กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยของยานยนต์ในสหรัฐฯ บังคับให้ผู้ผลิตต้องติดตั้งระบบกระดิ่งเตือนที่จะทำงานเมื่อมีการติดเครื่องยนต์ และจะหยุดส่งเสียงเมื่อผู้ที่นั่งในเบาะหน้าทั้งหมดคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกองบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) ชี้ว่า การที่กระดิ่งเตือนไม่ทำงานนั้น อาจทำให้ผู้ขับขี่ไม่ทันสังเกตว่า ตนไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย อันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการได้รับบาดเจ็บหากเกิดเหตุชนขึ้นมา
บริษัท เทสลา ประกาศแผนการซ่อมระบบที่ว่านี้ ด้วยการเตรียมส่งโปรแกรมซอฟต์แวร์ผ่านระบบออนไลน์ออกไปในช่วงต้นเดือนนี้ และระบุด้วยว่า บริษัทยังไม่เคยได้รับการแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์บาดเจ็บจากปัญหาดังกล่าวมาก่อน พร้อมยืนยันว่า สัญญาณเตือนการคาดเข็มขัดที่เป็นภาพบนแผนหน้าปัดยังคงทำงานตามปกติอยู่เสมอ
ประเด็นระบบเสียงเตือนคาดเข็มขัดนี้เป็นการค้นพบโดยสถาบันทดสอบ Automobile Testing and Research Institute ของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การสอบสวนและการตัดสินใจโดย เทสลา เมื่อวันที่ 25 มกราคม ให้มีการเรียกรถรุ่นที่มีปัญหาทั้งหมดคืน
- ที่มา: เอพี