รถยนต์ทุกคันที่ขายในสหรัฐฯ จะต้องผ่านการทดสอบการชนอย่างทรหด ชิ้นส่วนต่างๆ ที่ใช้ประกอบเข้าเป็นตัวถัง รถยนต์และทําจากโลหะถูกตัดเป็นรูปทรงพิเศษ ย้อมสีและเชื่อมโดยหุ่นยนต์
นักวิจัยแห่งสถาบันเเห่งชาติเพื่อวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี หรือ NIST บอกว่าชิ้นส่วนเหล่านี้สามารถทําให้มีนํ้าหนักเบาขึ้นได้ โดยไม่กระทบต่อความเเข็งเเกร่งหากการทดสอบวัสดุชิ้นนั้นๆ ทรหดกว่าเดิม
ทิม โฟเคอ นักวิจัย NIST กล่าวว่า การทดสอบที่บริษัทผลิตรถยนต์ทํากัน เป็นวิธีทดสอบธรรมดาๆ ทั่วไป อาทิ ความเเข็งเเรงต่อเเรงดึงและการทดสอบอื่นๆ
ทางสถาบัน NIST ได้พัฒนาการทดสอบที่ลํ้ายุค ซับซ้อนมากกว่า มีความเป็นจริงมากกว่าเพื่อ ทดสอบดูคุณภาพของวัสดุต่างๆ ในขณะอยู่ระหว่างการผลิตเเละระหว่างการใช้งาน
สถาบัน NIST กําลังช่วยอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์สหรัฐฯ ในการเลือกและใช้วัสดุที่ก้าวหน้าในการผลิตรถยนต์ ช่วยประหยัด ค่าลงทุนและเพิ่มสมรรถภาพด้านการประหยัดเชื้อเพลิงเเก่รถยนต์
ในห้องทดลอง Automotive Lightweighting ของทางสถาบัน ตัวอย่างของเเผ่นโลหะถูกย้อมสีขาว ก่อนจะสเปร์ย์บางๆ ด้วยสีดําเป็นจุดๆ
ทิม โฟเคอ กล่าวว่า ทีมงานสามารถทดสอบความทนทานของวัสดุด้วยการปรับรูปทรงของวัสดุด้วยดึงตรงกลางของชิ้นวัสดุ ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนและจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสีที่ทาลงบนเนื้อวัสดุขณะถูกเเรงดึงหรือเเรงผลักระหว่างการทดสอบ ซึ่งช่วยวิเคราะห์ความเเข็งเเกร่งของวัสดุได้ในหลายๆ สภาพ
กล้องถ่ายภาพหลายตัวที่มีความละเอียดของภาพสูงช่วยวัดการเคลื่อนไหวของจุดสีดําบนเนื้อวัสดุขณะถูกเเรงดึง ซึ่งช่วยให้ข้อมูลมากกว่าวิธีทดสอบเเบบดั้งเดิม ที่วัดเฉพาะการเปลี่ยนแปลงระหว่างจุดสองจุดขณะถูกเเรงดึง
ทิม โฟเคอ กล่าวว่า หากบริษัทบอกว่าวัสดุสามารถยืดได้ 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อถูกเเรงดึง ทาง NIST ทดสอบดูเเล้วพบว่าวัสดุดังกล่าวสามารถทนเเรงดึงได้ถึง 22 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากต่อทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เพราะจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้หลายล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพราะวัสดุเเข็งแกร่งกว่าที่คิด
ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ NIST กล่าวว่า หลังจากพวกเขาได้พัฒนาเครื่องมือทดสอบใหม่ๆ มีผู้ผลิตรถยนต์มากรายขึ้นที่เข้ามาขอทดสอบวัสดุชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเเผ่นโลหะและวัสดุเสริมเเรงไฟเบอร์
(รายงานโดย George Putic / เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว)