ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุงัดข้อกันระหว่างบริษัทเอกชนที่มั่งคั่งที่สุดในโลก กับนักร้องน่าใสแนวติดดินวัยยี่สิบกว่าๆ
หากเป็นเหตุการณ์ธรรมดา เราคงเดากันว่าฝ่ายศิลปินน่าจะพ่ายแพ้ต่อธุรกิจกิจยักษ์ใหญ่ แต่ที่ไม่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ นักร้องคนดังกล่าวคือ Taylor Swift ศิลปินระดับแผ่นเสียงแพลตินั่มหลายแผ่น และยังมีสตาร์พาวเวอร์บนโลกโซเชี่ยลมีเดียอย่างมหาศาล ในหมู่แฟนๆ วัยรุ่นหลายล้านคน
ความขัดแย้งเริ่มต้นจากที่ Apple ไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทนศิลปินสำหรับเพลงที่เปิดให้กับบริการสตรีมเพลงฟรีบนแอพของ Apple การทำธุรกิจแบบนี้ไม่ใช่ของแปลกใหม่ในวงการ และศิลปินหลายคนอย่าง Beyoncé ก็เริ่มชินๆ กับเรื่องแบบนี้
ที่เรื่องนี้มาขัดใจ Taylor Swift เพราะเธอคิดว่า Apple เป็นบริษัทที่มีหัวคิดก้าวหน้าและทำอะไรหลายๆอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเป็นธุรกิจใจกว้าง ต่างจากบริษัทอื่นๆ
Taylor Swift ตอบโต้ Apple ด้วยการไม่นำอัลบั้มเพลง 1989 ของเธอลงในระบบของ Apple ไม่นานหลังจากนั้น Eddy Cue ผู้บริหารอันดับต้นๆ ของ Apple ส่งทวิตเตอร์ขอกลับตัวมาทำตามคำขอของ Taylor Swift วัย 25 ปี
คนในวงการเพลงบอกว่าไม่ใช่นักร้องคนไหนจะทำอย่าง Taylor Swift ได้ อย่างที่สื่อ USA Today บอกว่า ศิลปิน Jay Z เคยพลาดในการเรียกร้องค่าตอบแทนจากบริษัทเทคโนโลยี เพราะถูกกระแสสังคมต่อต้าน เนื่องจากแลดูว่าฝ่ายศิลปินเห็นแก่ได้
ที่เป็นเช่นนั้นต้องไม่ลืมว่าบริการสตรีมเพลงของบริษัทเทคโนโลยี อย่าง Apple, Spotify และ Pandora เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคเพราะผู้ฟังไม่ต้องเสียสตางค์ ขณะที่ศิลปินบางคนมีภาพติดตาประชาชนอยู่แล้วว่าชอบชีวิตฟู่ฟ่า การเรียกร้องค่าตอบแทนจึงยิ่งทำให้คนทั่วไปไม่พอใจ
แต่ที่ Taylor Swift ทำสำเร็จ โดยที่ไม่เป็นเรื่องครึกโครมและย้อนมาทำร้ายภาพลักษณ์ของเธอก็น่าจะเพราะ Taylor Swift ได้ใจแฟนอยู่แล้ว ในความเป็นคนจริงใจ และติดดิน
ตามการวิเคราะห์ของ Linsay Zoladz จากนิตยสาร New York Magazine
เธอบอกด้วยว่า ที่ Taylor Swift ลุกขึ้นมางัดข้อกับ Apple ยิ่งเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของเธอที่กล้าคิด กล้าพูดแบบจริงใจ
ในอดีตมีหลายตัวอย่างที่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ Taylor Swift เพราะครั้งหนึ่งวง Pearl Jam เคยประท้วงบริษัทขายตั๋ว Ticketmaster เมื่อ 21 ปีก่อนสำเร็จมาแล้ว และ The Beatles ก็เคยยืนหยัดในหลักการเรื่องความเท่าเทียมกันในสังคม โดยไม่ไปเล่นคอนเสิร์ทที่เมือง Jacksonville รัฐฟลอริดาเพราะเป็นงานที่แบ่งแยกคนต่างสีผิวในคริสต์ทศวรรษที่ 60
สรุปว่า แม้ว่า Taylor Swift อาจจะยังเด็กในสายตาของของรุ่นพี่หลายคน แต่ความมั่นใจของเธอดูจะไม่ธรรมดา และน่าจะยิ่งส่งเสริมให้ชื่อ Taylor Swift เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์วงการเพลงยุคดิจิตอลมากขึ้นไปอีก
รายงานโดย USA Today และสื่อต่างประเทศ และเรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท