สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พลเมืองอเมริกันและชาวต่างชาติราว 200 คนซึ่งติดอยู่ในอัฟกานิสถาน ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกมาจากกรุงคาบูลพร้อมกับเที่ยวบินของรัฐบาลกาตาร์ในวันพฤหัสบดี ตามข้อตกลงกับรัฐบาลรักษาการของตาลิบัน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
เที่ยวบินจากกรุงคาบูลดังกล่าวมุ่งหน้าไปยังกรุงโดฮา กาตาร์ ถือเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศเที่ยวแรก ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสนามบินฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล นับตั้งแต่กลุ่มตาลิบันยึดครองเมืองหลวงของอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นำไปสู่การอพยพอย่างโกลาหลออกจากกรุงคาบูลในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่แล้ว
ผู้แทนพิเศษของกาตาร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สนามบินในกรุงคาบูลว่า เที่ยวบินนี้ไม่ใช่เที่ยวบินอพยพ แต่ยอมรับว่ามีพลเมืองอเมริกันและชาติตะวันตกอื่น ๆ อยู่บนเที่่ยวบินนั้นด้วย แต่มิได้ยืนยันว่ามีจำนวนกี่คน
ด้านโฆษกกลุ่มตาลิบัน ซาบีอุลลาห์ มูจาฮิด กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญจากกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังช่วยกันทำให้ระบบต่าง ๆ ที่สนามบินกรุงคาบูลกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง และเชื่อว่าจะสามารถให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศได้เร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าพลเมืองอเมริกันและชาวต่างชาติที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากอัฟกานิสถานนั้น ใช่กลุ่มเดียวกับที่ติดค้างอยู่ที่เมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ เป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากเที่ยวบินเช่าเหมาลำของพวกเขาไม่ได้รับความยินยอมให้บินออกมาใช่หรือไม่
ฮาซามี บาร์มาดา นักวิชาการอิสระด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม กล่าวกับวีโอเอว่า จนถึงช่วงเย็นวันพฤหัสบดี ยังคงมีประชาชนบนเที่ยวบินช่วยเหลืออย่างน้อยหนึ่งเที่ยวบินรอการอนุญาตให้เดินทางออกจากอัฟกานิสถานอยู่ที่มืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ โดยในจำนวนนี้เป็นพลเมืองอเมริกัน 9 คน ผู้ถือใบเขียวของสหรัฐฯ 9 คน และชาวอัฟกันที่ได้รับวีซ่าผู้อยพจากทางการสหรัฐฯ อีกราว 170 คน
บาร์มาดาเชื่อว่า ขณะนี้กำลังมีการเจรจาต่อรองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กับกลุ่มตาลิบัน เพื่อให้เที่ยวบินนี้สามารถเดินทางออกจากอัฟกานิสถานได้ โดยเมื่อวันพุธ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวโทษความล่าช้าของเที่ยวบินช่วยเหลือที่จะเดินทางออกจากอัฟกานิสถานดังกล่าวว่าเป็นความรับผิดชอบของกลุ่มตาลิบัน
เมื่อวันอังคาร กลุ่มตาลิบันเพิ่งประกาศจัดตั้งรัฐบาลรักษาการซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยสมาชิกระดับสูงของตาลิบัน รวมทั้งผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่ชาติตะวันตกต้องการตัว และผู้นำกลุ่มอิสลามแนวคิดสุดโต่ง ผิดกับความคาดหวังของรัฐบาลต่างชาติที่ต้องการเห็นรัฐบาลตาลิบันที่เป็นตัวแทนของกลุ่มต่าง ๆ ในอัฟกานิสถานตามที่กลุ่มตาลิบันได้รับปากไว้ก่อนหน้านี้
บรรดารัฐบาลต่างชาติต่างใช้ความระมัดระวังในการต้อนรับรัฐบาลรักษาการชุดใหม่นี้ ท่ามกลางการประท้วงในกรุงคาบูลโดยประชาชนที่หวั่นเกรงว่าจะถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพภายใต้การปกครองของตาลิบัน
หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ตาลิบันเคารพในสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชน ขณะที่โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี กล่าวว่า ไม่มีใครในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เชื่อว่ากลุ่มตาลิบันจะเคารพและให้คุณค่ากับประชาคมระหว่างประเทศ
สหภาพยุโรปกล่าวไม่ยอมรับรัฐบาลรักษาการของตาลิบัน แต่ก็รับปากพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อไป แต่ความช่วยเหลือในระยะยาวนั้นขึ้นอยู่กับท่าทีของตาลิบันหลังจากนี้
ด้านรัฐบาลซาอุดิอาระเบียแสดงความหวังว่า รัฐบาลตาลิบันจะช่วยสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในอัฟกานิสถาน พร้อมไปกับการปฏิเสธความรุนแรงและแนวคิดสุดโต่ง
ในช่วงที่ตาลิบันปกครองอัฟกานิสถานระหว่างปี ค.ศ. 1996 - 2001 สตรีและเด็กผู้หญิงอัฟกันถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพอย่างเข้มงวดภายใต้กฎหมายอิสลามแแบบสุดโต่ง เช่น ห้ามทำงานและห้ามไปโรงเรียน ซึ่งทางผู้นำตาลิบันรับปากว่าในครั้งนี้ สตรีและเด็กผู้หญิงจะได้รับสิทธิในด้านต่าง ๆ มากขึ้น
ในการสัมภาษณ์กับสื่อของออสเตรเลีย SBS News เมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของตาลิบันกล่าวว่า ผู้หญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นกีฬาคริกเก็ต รวมทั้งอาจรวมถึงกีฬาอื่น ๆ เนื่องจาก "ไม่ใช่สิ่งจำเป็น" และอาจทำให้ต้องมีการเปิดเผยบางส่วนในร่างกายของพวกเธอ
(ข้อมูลบางส่วนจากสำนักข่าวรอยเตอร์)