จั๋ว หรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวัน ออกมาแสดงความเห็นหลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุว่ารัฐบาลไทเปควรจ่ายเงินให้สหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองจากจีน โดยชี้ว่าไต้หวันมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันตนเอง
จั๋วกล่าวกับนักข่าวในวันพุธว่า “ไต้หวันได้เสริมสร้างงบประมาณด้านกลาโหมอย่างต่อเนื่อง และได้ปรับระยะการเกณฑ์ทหารเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการปรับตัวของสังคมของเรา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบในฐานะสมาชิกของประชาคมนานาชาติ”
จั๋วระบุด้วยว่า ไต้หวัน “มุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบมากขึ้น” ในบทบาทด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ท่าทีของนายกฯ ไต้หวัน เป็นผลสืบเนื่องจากบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในสื่อ Bloomberg Businessweek เมื่อวันอังคาร ที่มีการถามทรัมป์ว่าจะช่วยปกป้องไต้หวันจากการคุกคามของจีนหรือไม่ โดยอดีตผู้นำรายนี้ตอบว่า “ผมรู้จักประชาชน (ไต้หวัน) ดีมาก (ผม) เคารพพวกเขาอย่างมาก พวกเขาถือธุรกิจชิปของพวกเราอยู่ 100% ผมคิดว่าไต้หวันควรจ่ายเราเพื่อการทหาร”
ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันรายนี้ยังเปรียบเทียบงบประมาณด้านการทหารของสหรัฐฯ ในการป้องกันไต้หวันว่า “ผมไม่คิดว่าเราต่างอะไรไปจากธุรกิจประกัน ทำไม ทำไมพวกเราต้องทำสิ่งนี้”
ไต้หวันเป็นที่ตั้งของบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยชิปเหล่านี้คือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์หลายชนิด ตั้งแต่โทรศัพท์สมาร์ทโฟน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ไปจนถึงเครื่องบินรบ
นักวิเคราะห์เชื่อว่า เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบอย่างสาหัส หากไต้หวันเผชิญกับความขัดแย้งไม่ว่าจะในสภาพใดก็ตาม
แม้ว่าสหรัฐฯ และไต้หวันจะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างกัน แต่รัฐบาลกรุงวอชิงตันก็เป็นผู้สนับสนุนที่ในระดับนานาชาติ และเป็นผู้มอบอาวุธยุทธภัณฑ์ให้รัฐบาลไทเปรายสำคัญที่สุด
การสนับสนุนไต้หวันของสหรัฐฯ นั้นเป็นไปตามพันธะของกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน ที่บังคับใช้เมื่อปี 1979 ที่ให้สหรัฐฯ ต้องช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันตนเอง
ไต้หวันเป็นเกาะที่มีการปกครองเป็นของตนเองมาตั้งแต่ปี 1949 โดยจีนนั้นถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน และที่ผ่านมาก็ได้เพิ่มแรงกดดันทางการทหารต่อรัฐบาลไทเปมากยิ่งขึ้น
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น