ชาวไต้หวันกำลังประสบปัญหา "หน้ากากอนามัยขาดแคลน" สืบเนื่องจากการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสในขณะนี้ ที่มีชาวไต้หวันติดเชื้อแล้ว 18 ราย
นอกจากไต้หวันแล้ว ความต้องการหน้ากากอนามัยยังเพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศของเอเชีย รวมทั้ง มาเลเซีย และไทย ที่ล้วนรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก
ปกติแล้ว โรงงานต่าง ๆ ในไต้หวันราว 80 แห่ง ผลิตหน้ากากอนามัยวันละประมาณ 1 ล้าน 9 แสนชิ้น แต่ขณะนี้ได้เพิ่มกำลังการผลิตเป็นวันละอย่างน้อย 3 ล้าน 2 แสนชิ้นสำหรับเฉพาะใช้ในไต้หวัน ตามตัวเลขของทางการไต้หวัน
ปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้รัฐบาลไต้หวันต้องขอร้องให้โรงงานต่าง ๆ เร่งผลิตหน้ากากอนามัยออกมามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็จำกัดจำนวนหน้ากากที่ประชาชนสามารถซื้อได้เหลือคนละ 2 ชิ้นทุก 2 วัน โดยจะมีการเก็บประวัติการซื้อไว้ตามร้านขายยาหรือร้านขายหน้ากากอนามัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลไต้หวันยังใช้มาตรการจำกัดจำนวนหน้ากากอนามัยที่ร้านขายยาต่าง ๆ สามารถขายได้ ให้อยู่ที่ไม่เกิน 200 ชิ้นต่อวัน ทำให้ในแต่ละวันมีประชาชนจำนวนมากรอต่อคิวหน้าร้านขายยาเพื่อซื้อหน้ากากให้ทันก่อนที่จะหมดโควต้า
ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส ชาวไต้หวันต่างใช้หน้ากากอนามัยเป็นประจำเพื่อป้องกันฝุ่นควันพิษที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รวมทั้งเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในอากาศจากจำนวนประชากรที่แออัดกันอยู่ในเมืองใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อยิ่งมีข่าวการระบาดของโคโรนาไวรัส ก็ดูเหมือนหน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น
ทางการไต้หวันคาดว่า ปัจจุบันประชากรในกรุงไทเปกว่า 50% สวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำทุกวัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 10% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา