ทางการไต้หวันรายงานว่า จีนได้ส่งเครื่องบินรบจำนวน 52 ลำเข้ามาในเขตน่านฟ้าของตนในวันจันทร์ ขณะที่ รัฐบาลกรุงไทเปเร่งจัดกองทัพอากาศของตน เพื่อเป็นสัญญาณเตือนกรุงปักกิ่งไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงกว่าปีที่ผ่านมา ไต้หวันแสดงจุดยืนคัดค้านการที่จีนแผ่นดินใหญ่ส่งเครื่องบินรบเข้ามาบินในน่านฟ้าของตนมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งจีนฉลองวันชาติและตัดสินใจเพิ่มจำนวนเครื่องบินออกตระเวนพื้นที่ต่างๆ อันรวมถึงบริเวณทางตะวันตกเฉียงใต้ของน่านฟ้าเกาะไต้หวัน ใกล้ๆ กับหมู่เกาะปราตัสที่เป็นเขตปกครองของไต้หวัน
ไต้หวันระบุว่า เครื่องบินรบจีนที่ปรากฏตัวในน่านฟ้าของไต้หวันในวันจันทร์ประกอบด้วย เครื่องบินขับไล่ไอพ่น J-16 จำนวน 34 ลำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น H-6 ที่มีความสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์อีก 12 ลำ
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านการที่จีนส่งเครื่องบินรบของตนเข้าไปบินในน่านฟ้าของไต้หวัน และระบุในวันจันทร์ว่า การเคลื่อนไหวทางการทหารนั้น “มีแต่จะสั่นคลอนเสถียรภาพและทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดสูงยิ่งขึ้นไปอีก”
สหรัฐฯ นั้นได้รักษาความสัมพันธ์ทั้งทางวัฒนธรรมและทางพาณิชย์ รวมทั้งสายสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวัน หลังกรงวอชิงตันตัดสินใจกลับไปกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกรุงปักกิ่งแทน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 เป็นต้นมา โดยในปีที่แล้ว สหรัฐฯ เพิ่งส่งมอบความช่วยเหลือทางการทหารมูลค่า 5,100 ล้านดอลลาร์ให้รัฐบาลกรุงไทเปไป
เพนตากอนยืนยันด้วยว่า พันธสัญญาที่สหรัฐฯ มีต่อไต้หวันนั้นยังคงเข้มแข็งเหนียวแน่น และมุ่งมั่นที่จะช่วยรักษาสันติภาพและความมั่นคงในแถบช่องแคบไต้หวันและในภูมิภาคนั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับปฏิบัติการทางการทหารของตนใกล้ๆ เกาะไต้หวัน แต่ก่อนหน้านี้ กรุงปักกิ่งอ้างว่า การส่งเครื่องบินรบออกบินในพื้นที่ทางทะเลนั้นมีจุดประสงค์ที่จะปกป้องอธิปไตยของตน และเพื่อต่อต้าน “ภาวะสมรู้ร่วมคิด” ระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ ด้วย
ทางฝั่งไต้หวันเอง ออกมาวิจารณ์การเคลื่อนไหวทางการทหารของจีนว่าเป็นการทำศึกสงคราม “แดนสีเทา” ด้วยการข่มขู่และกดดัน ที่น่าจะมุ่งหวังทำให้กองกำลังไต้หวันอ่อนล้าพร้อมๆ กับการทดสอบความสามารถในการโต้ตอบของตนไปด้วย
แม้ว่าจีนจะอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวันว่าเป็นเขตปกครองของตนมาโดยตลอด พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เคยทำการปกครองเกาะที่มีประชากรจำนวน 24 ล้านคนนี้เลย แต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ก็ปฏิเสธที่จะยืนยันว่า จีนจะไม่ใช้กำลังทางทหารในการเข้ายึดไต้หวัน หากมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นในอนาคต