ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ T-Mobile ของสหรัฐฯ ยอมรับว่า ระบบของตนถูกแฮกไปเมื่อเร็วๆ นี้ และมีข้อมูลผู้ใช้บริการทั้งในอดีตและปัจจุบัน จำนวนกว่า 40 ล้านคนของบริษัทถูกล้วงขโมยไปเรียบร้อยแล้ว
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า T-Mobile เปิดเผยในวันพุธว่า การสอบสวนประเด็นดังกล่าวพบว่า ข้อมูลที่ถูกขโมยไปเป็นรายละเอียดส่วนตัวผู้ใช้งานต่างๆ ได้แก่ วัน/เดือน/ปีเกิด ชื่อและนามสกุล หมายเลขประกันสังคม และรายละเอียดใบขับขี่ ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ มักใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชน โดยข้อมูลที่ถูกจารกรรมไปนั้นเป็นของผู้ใช้งานปัจจุบันราว 7.8 ล้านคน แต่ทางบริษัทกล่าวย้ำว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า แฮกเกอร์ขโมยข้อมูลด้านการเงินของผู้ใช้งานตนไป
รายงานข่าวระบุว่า T-Mobile ซึ่งมีผู้ใช้งานทั้งหมด 104.8 ล้านคน ตามข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายน ยอมรับว่า เกิดเหตุจารกรรมข้อมูลผู้ใช้งานเป็นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลัง Vice สื่อดิจิทัลของสหรัฐฯ รายงานก่อนใครอื่นว่า มีผู้ออกมาประกาศในเว็บใต้ดินแห่งหนึ่งว่า ต้องการขายข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่ขโมยมาจากระบบเซิร์ฟเวอร์ของ T-Mobile
Vice ยังรายงานด้วยว่า ผู้ขายรายดังกล่าวอ้างว่า ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน T-Mobile ถึง 100 ล้านรายถูกล้วงออกมาจากระบบ และตนขอเสนอขายข้อมูลของผู้ใช้งานจำนวน 30 ล้านคน ในราคา 6 บิตคอยน์ หรือราว 270,000 ดอลลาร์ ก่อนที่ ราคาซื้อขายจะร่วงลงมาจนเหลือเพียง 200 ดอลลาร์ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว รอยเตอร์ ไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดของโพสต์ประกาศขายข้อมูลดังกล่าวตามที่ Vice รายงานได้
ทั้งนี้ กรณีการจารกรรมเจาะล้วงข้อมูลของ T-Mobile นั้น ถือเป็นเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ล่าสุดที่มีการรายงานออกมา ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการที่บรรดาหัวขโมยยุคดิจิทัลทั้งหลายพยายามฉวยโอกาสทำการแฮกระบบ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัทต่างๆ มีความหย่อนยานเพราะนโยบายทำงานจากบ้าน เนื่องจากการการระบาดของโควิด-19