บทความวิเคราะห์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในหนังสือพิมพ์ New York Times รายงานว่า รายได้จากการขายตั๋วตามโรงภาพยนตร์ในอเมริกาและแคนาดาในช่วงหน้าร้อนปีนี้ เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นเงิน 4.48 พันล้านดอลลาร์
ช่วงเวลาที่ว่านี้ คือจากสุดสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมจนถึงสุดสัปดาห์แรกของเดือนกันยายนนี้
ปัญหาก็คือ Hollywood มีโรงถ่าย หรือบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ 6 บริษัท แต่มีเพียงสองบริษัทเท่านั้นที่มีโอกาสโกยเงินเข้ากระเป๋าในช่วงหน้าร้อนทำเงินปีนี้ คือ Universal Pictures และ Walt Disney Studios
ในช่วงหน้าร้อนทำเงินนี้ มีภาพยนตร์ 12 เรื่องที่ทำเงินได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้ 8 เรื่องเป็นผลงานของ Universal Pictures และ Walt Disney Studios กล่าวได้ว่าสองบริษัทนี้คุมส่วนแบ่งตลาด 60%
ภาพยนตร์ที่ทำเงินได้เป็นอันดับที่หนึ่ง คือ “Jurassic World” เฉพาะในอเมริกาและแคนาดา ทำรายได้รวมกันแล้วเกือบ 647 ล้านดอลลาร์ ถ้ารวมทั่วโลก 1.65 พันล้านดอลลาร์
ภาพยนตร์ทำเงินอันดับที่สอง คือ “Avengers: Age of Ultron” ของ Marvel division ของ Disney ซึ่งทำเงินได้ 457.8 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ และ 1.4 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก
ที่ 3 ก็เป็นของ Disney เหมือนกัน คือเรื่อง “Inside Out” จาก Pixar unit ของ Disney ซึ่งทำเงินได้ 348.2 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ และ 706 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก
อีกสามบริษัทใหญ่ คือ Warner Brothers, 20th Century Fox และ Sony ตามมาห่างๆ
นักวิเคราะห์บอกว่า มีบทเรียนสำคัญสองบทด้วยกันสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ บทแรกคือแนวโน้มของ Hollywood ในขณะนี้ที่มุ่งสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญๆ เป็นหลัก เพราะเห็นว่า เป็นภาพยนตร์ประเภท “ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูดี”
ตามคำจำกัดความของ Hollywood “ผู้ใหญ่” คือผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
ภาพยนตร์แนวนี้จะเป็น “หนังใหญ่” ที่มีการโฆษณาและการตลาดอย่างมหาศาลจนกลบภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่อาจน่าดูได้หมด และอาจฉายอยู่นานตามโรง เบียดบังเวลาและโรงภาพยนตร์ที่ภาพยนตร์อื่นๆ อาจเข้าเปิดฉายได้บ้าง อย่างเช่น “Jurassic World” ที่ติดอันดับหนึ่งหรือสองติดต่อกันนานถึงห้าสัปดาห์
บทเรียนที่สองคือโรงถ่ายที่เคยเป็นผู้เล่นรายใหญ่ อย่าง Warner Bros. และ Sony ปีนี้มีปัญหาเรื่องผู้บริหาร จนต้องมีการเปลี่ยนตัวทั้งสองแห่ง
สำหรับฤดูใบไม้ผลิปีนี้และหน้าร้อนปีหน้า นักวิเคราะห์มีคำเตือนออกมาแล้วว่า Disney มีภาพยนตร์ที่คาดว่าจะทำเงินเรียงแถวไว้แล้ว ซึ่งรวมทั้ง “Toy Story,” “Pirates of the Caribbean,” และ “Star Wars”
แต่ Sony ตั้งเป้าไว้สั้นกว่านั้น เพราะกำหนดไว้แล้วว่าจะต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะเริ่มต้นเร็วๆ นี้ด้วยการนำ “James Bond: Spectre” ลงโรงในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้