17 รัฐในสหรัฐฯ และกรุงวอชิงตัน ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ออกนโยบายบังคับให้นักศึกษาต่างชาติต้องเข้าเรียนในสถานที่ของสถาบันการศึกษาในภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วงนี้ ไม่เช่นนั้นจะเสียสถานะการถือวีซ่านักเรียนต่างชาติ
เอกสารการฟ้องร้องครั้งนี้ซึ่งยื่นต่อศาลนครบอสตัน รัฐแมสซาชูเสตส์ ระบุว่า การปรับแก้เงื่อนไขสำหรับวีซ่านักเรียนดังกล่าวอาจทำให้แผนการศึกษาของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการจัดทำต้องกลับตาลปัตร และอาจทำให้นักเรียนต่างชาติจำนวนมากต้องกลับประเทศในช่วงที่กำลังเกิดการระบาดใหญ่ ซึ่งจำกัดความสามารถในการศึกษาของนักเรียนเหล่านั้น
ภายใน 17 รัฐและกรุงวอชิงตันที่ร่วมกันยื่นฟ้องครั้งนี้ ครอบคลุมวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ 1,124 แห่ง มีนักเรียนต่างชาติรวมกัน 373,000 เมื่อปีที่แล้ว
สถาบันการศึกษาชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐฯ ต่างลงชื่อสนับสนุนการฟ้องร้องครั้งนี้ รวมถึง มหาวิทยาลัย Yale, DePaul, the University of Chicago, Tufts, Rutgers และมหาวิทยาลัยประจำรัฐต่าง ๆ ได้แก่ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐอิลลินอยส์, แมรีแลนด์, แมสซาชูเสตส์, มินนิโซตา และวิสคอนซิน
มัวรา ฮีลลีย์ อัยการรัฐแมสซาชูเสตต์ มีคำแถลงว่า รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์มิได้พยายามอธิบายที่มาของกฎเกณฑ์ที่ไร้เหตุผลนี้ ซึ่งเธอบอกว่าขัดกับกฎหมาย Administrative Procedure Act ของรัฐบาลกลางเอง
การยื่นฟ้องครั้งนี้ถือว่าเป็นความพยายามทางกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อต่อต้านการปรับแก้เงื่อนไขสำหรับวีซ่านักเรียนต่างชาติดังกล่าว ซึ่งมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มองว่าเป็นการกดดันทางการเมืองของรัฐบาลทรัมป์ เพื่อให้มีการเปิดสถานศึกษาในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ในช่วงที่หลายมหาวิทยาลัยได้ตัดสินใจเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์ทั้งหมดเนื่องจากความกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดและสถาบันเทคโนโลยีเเมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ ในกรณีเดียวกันนี้เช่นกัน
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐฯ หรือ ICE ประกาศเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ว่า จะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่านักเรียนสามารถอยู่ในสหรัฐฯ ได้ต่อไป หากสถาบันการศึกษาของพวกเขาเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์ทั้งหมดในช่วงเปิดเทอมฤดูใบไม้ร่วงเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19
โดยนักเรียนเหล่านั้นต้องเดินทางออกจากสหรัฐฯ หรือต้องย้ายไปเรียนที่สถาบันการศึกษาที่มีการเรียนการสอนในห้องเรียนแทน ไม่เช่นนั้นอาจถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเพื่อส่งกลับประเทศได้
มาตรการล่าสุดของ ICE มีผลต่อผู้ถือวีซ่า F-1 และ M-1 โดยเมื่อปีงบประมาณที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกวีซ่าประเภท F ทั้งหมด 388,839 ฉบับ และออกวีซ่าประเภท M ทั้งหมด 9,518 ฉบับ
มาตรการนี้ไม่มีผลต่อผู้ถือวีซ่า F-1 ที่มีวิชาเรียนในห้องเรียนจริง และไม่มีผลต่อนักเรียนที่ถือวีซ่า F-1 ที่เรียนออนไลน์เป็นบางวิชาแต่ไม่ใช่ทุกวิชา ส่วนนักเรียนโรงเรียนภาษาที่ใช้วีซ่า F-1 หรือนักเรียนสายอาชีพที่ใช้วีซ่า M-1 ไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนออนไลน์ไม่ว่าวิชาใด