แพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงและพอดคาสต์ สปอติไฟ (Spotify) เปิดเผยแผนปลดพนักงานทั่วโลกเพิ่มอีก 17% หรือคิดเป็นพนักงานราว 1,500 คน ซึ่งถือเป็นรอบที่ 3 ในปีนี้แล้ว
เมื่อเดือนมกราคม Spotify ประกาศลดพนักงานไปแล้ว 600 คน ก่อนจะปลดเพิ่มอีก 200 คนในเดือนมิถุนายน
แดเนียล เอลค์ ซีอีโอ ของ Spotify ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทจะเดินหน้าความพยายามลดค่าใช้จ่ายและเร่งทำให้ธุรกิจมีกำไรให้ได้
การปลดคนงานรอบใหม่ของยักษ์แห่งวงการสตรีมมิงเพลงนี้เกิดขึ้น หลังบริษัทเพิ่งรายงานตัวเลขกำไรสุทธิที่ 70.3 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นกำไรรายไตรมาสที่ไม่เห็นได้บ่อย ขณะที่ บริษัทแห่งนี้ยังไม่เคยรายงานตัวเลขกำไรประจำปีเลย
Spotify ระบุด้วยว่า การปลดพนักงานเพิ่มในครั้งนี้น่าจะทำให้ตัวเลขขาดทุนในไตรมาสที่ 4 ของปีอยู่ที่ประมาณ 100-117 ล้านดอลลาร์ เทียบกับประมาณการณ์ตัวเลขกำไรที่ 40 ล้านดอลลาร์ที่บริษัทเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้
รายงานข่าวระบุว่า เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงตัวเลขคาดการณ์นี้ก็คือ การที่บริษัทต้องควักเงินจำนวนไม่น้อยเป็นค่าชดเชยการเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งประกอบด้วยการชดเชยเงินเดือนราว 5 เดือน การชดเชยวันลาหยุดพักร้อน และค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลสำหรับช่วงเวลาที่เลิกจ้างด้วย
ทั้งนี้ Spotify ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า การลดพนักงานครั้งล่าสุดนี้จะส่งผลบวกต่อฐานะด้านการเงินของตนอย่างไร แต่เปิดเผยว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะ “จะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการดำเนินกิจการอย่างมีนัยต่อไปในอนาคต”
ก่อนหน้านี้ บริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต่างทำการลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานกันมากมาย หลังอัตราการขยายตัวธุรกิจชะลอลงในช่วงเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อาทิ บริษัทเมตา (Meta) บริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) บริษัทแอมะซอน (Amazon) และบริษัทอัลฟาเบท (Alphabet) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล (Google) ซึ่งต่างมีแผนลดพนักงานอย่างน้อย 10,000 คนในปีนี้
- ข้อมูลบางส่วนมาจากรอยเตอร์ เอพีและเอเอฟพี
กระดานความเห็น