ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ได้ตรวจค้นสำนักงานของสายการบินเจจูแอร์รวมทั้งของสนามบินนานาชาติมูอัน เพื่อขยายการสอบสวนกรณีเที่ยวบิน JJ2216 ระเบิดและคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือ 179 คน
เที่ยวบินดังกล่าวเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิของไทยมายังเกาหลีใต้ ก่อนจะไถลออกจากรันเวย์และชนกับรั้วคอนกรีตจนเกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ ที่สนามบินนานาชาติมูอัน โดยมีลูกเรือเพียง 2 คนที่รอดชีวิตจากไฟลท์มรณะนี้
แถลงการณ์จากสำนักงานตำรวจจังหวัดจอนลา ทางใต้ของเกาหลีใต้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ได้เข้าค้นสำนักงานของสนามบินมูอันและกระทรวงคมนาคมในเมืองมูอัน รวมทั้งของเจจูแอร์ในกรุงโซลอยู่
ตำรวจบอกกับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนมีแผนที่จะอายัดเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน-ดูแลรักษาเครื่องบิน รวมทั้งการดูแลจัดการพื้นที่สนามบิน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินยังคงรอคำตอบสำหรับคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งนี้ที่ถือว่าร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การบินเกาหลีใต้ในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะกรณีของสิ่งก่อสร้างที่เป็นเหมือนเขื่อนคอนกรีตที่ขอบสนามบินสำหรับการติดตั้งเสาสัญญาณในแนวระนาบ (Localizer Antenna) เพื่อการนำทางเครื่องบินลงจอด ซึ่งหลายคนระบุว่า ใกล้กับสุดทางรันเวย์มากไป
นัจเมดิน เมชคาตี ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (University of Southern California) กล่าวว่า ในกรณีที่เครื่องบินไถลออกจากรันเวย์มาชนรั้วเขื่อนนี้ โครงสร้างที่แน่นหนาหนักของสิ่งก่อสร้างนี้คือความหายนะดี ๆ นั่นเอง
เมชคาตียังกล่าวเสริมด้วยว่า กรณีการตั้งเสาอากาศนำทางลงจอดบน “โครงสร้างคอนกรีตอันสุดจะแข็งแกร่งนี้ แทนที่จะเป็นการติดตั้งบนเสา/หอคอยโลหะแบบมาตรฐาน” คือประเด็นที่น่ากังวลยิ่ง
จูง จอง-วาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมด้านการบินพลเรือนของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนการปรับปรุงสนามบินมูอันที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนรั้วคอนกรีตเพิ่มเติมเพื่อช่วยงานด้านการนำทางที่ว่านี้ได้ พร้อมเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ กำลังตรวจสอบเสาสัญญาณในแนวระนาบของสนามบินทั่วประเทศอยู่
ในเวลานี้ การสืบสวนเหตุโศกนาฏกรรมของสายการบินเจจูนี้ยังคงเดินหน้าต่อไปภายใต้ความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ คณะกรรมการความปลอดภัยทางการคมนาคมแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) องค์การบริหารการบินของรัฐบาลสหรัฐฯ (FAA) และบริษัทโบอิ้ง เจ้าของเครื่องรุ่น 737-800
การสืบสวนนี้ยังคงมุ่งหาคำอธิบายว่า ทำไมระบบลงจอดและล้อของเครื่องบินลำดังกล่าวจึงไม่ทำงานและอะไรคือเหตุผลที่ทำให้นักบินตัดสินใจเร่งทำการลงจอดรอบที่ 2 หลังแจ้งกับหอบังคับการบินว่า เครื่องบินถูกนกชนและประกาศสถานภาพฉุกเฉินไปแล้ว
ขณะที่ เกาหลีใต้ได้ส่งอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินของเที่ยวบินมรณะนี้ไปยังสหรัฐฯ เพื่อให้หน่วยงาน NTSB ทำการตรวจสอบแล้ว
ในส่วนของการแปลงข้อมูลจากอุปกรณ์บันทึกเสียงในห้องนักบินให้เป็นไฟล์เสียงนั้น รมช.จู ระบุระหว่างการแถลงข่าวว่า กระบวนการดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วในวันพฤหัสบดี
รมช.จู กล่าวเมื่อวันพุธว่า จะน่าจะยังไม่มีการเผยแพร่รายละเอียดของไฟล์เสียงในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญของการสืบสวนคดีที่ยังดำเนินอยู่
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น