หลังจากที่อยู่ในสถานการณ์อึมครึมมาตลอดหลายเดือน ในที่สุดนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีสุดท้ายของเกาหลีใต้ ได้เข้าทำการสอบ “ซูนึง” (Suneung) ซึ่งเป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และประกาศผลไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้
Yun Jae Kim นักเรียนมัธยมปลายที่เรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนมัธยม Sangsan High School ในจอนจู กล่าวว่า เขาคิดว่าข้อสอบวิชาภาษาเกาหลีนั้นไม่ยากเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษค่อนข้างง่าย ส่วนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์นั้นยากมากเพราะมีโจทย์หลายข้อที่เขาไม่คุ้นเคย
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเกาหลีใต้ หรือ ซูนึง มีอยู่ 5 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ภาษาเกาหลี คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นวิชาเอก ส่วนที่ 4 คือ วิชาประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ และส่วนสุดท้ายคือวิชาภาษาต่างประเทศ หรือฮันมุน (ภาษาจีนคลาสสิก)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกเรียนในสาขาวิชาศิลปศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ นักเรียนจะได้รับการทดสอบคณิตศาสตร์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน และจะต้องเลือกวิชาที่แตกต่างกันสำหรับการทดสอบวิชาสังคมศึกษา และ วิทยาศาสตร์ด้วย
Gi Tae Kim นักเรียนสาขาศิลปศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยม Daedong Taxation High School ในกรุงโซล กล่าวว่า เขาค่อนข้างพอใจกับผลการสอบของตัวเอง และโดยรวมแล้วเขาคิดว่าข้อสอบนั้นง่ายกว่าในอดีตเล็กน้อย
แต่ Cha-Hong Min ประธานคณะกรรมการตรวจสอบความสามารถทางวิชาการระดับมหาวิทยาลัย กล่าวว่า ระดับความยากของการสอบซูนึงในปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วและไม่ได้มีคำถามที่ซับซ้อนเป็นพิเศษเลย
อย่างไรก็ดี ในปีนี้นอกเหนือจากแรงกดดันระดับสูงสุดในการทำข้อสอบให้ดีแล้ว การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสยังส่งผลกระทบต่อนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีสุดท้ายของเกาหลีใต้เหล่านี้อีกด้วย
Su A Lee นักเรียนมัธยมศึกษาปีสุดท้ายในกรุงโซล กล่าวว่า เธอรู้สึกวิตกกังวลมากเพราะปีนี้แทบจะไม่ได้เข้าเรียนในชั้นเรียนจริงเลย และการสอบก็ล่าช้าไปในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ
ปีนี้รัฐบาลเกาหลีใต้กำหนดวันสอบให้เป็นวันที่ 3 ธันวาคม แทนที่จะเป็นวันพฤหัสบดีที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนตามปกติ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษาและสาธารณสุขติดตั้งแผงกั้น Plexiglas ให้แต่ละโต๊ะเรียนและกำหนดให้สวมใส่หน้ากากไว้ตลอดแปดชั่วโมงของการทำข้อสอบ
และถึงแม้ว่าจะมีการกำหนดให้สวมใส่หน้ากาก มีการระบายอากาศ และมีแผงกั้น Plexiglas แต่ก็ยังมีการละเมิดกฏเกิดขึ้น อย่างเช่น มีนักเรียนหลายคนล่าช้าเพราะมัวแต่แปรงฟันหลังรับประทานอาหารกลางวัน นอกจากนี้ยังมีนักเรียนจำนวนมากรวมตัวกันในห้องน้ำโดยไม่สวมหน้ากาก เป็นต้น
หลังจากสอบซูนึงผ่านพ้นไปแล้ว นักเรียนจำนวนมากจะสามารถหยุดพักผ่อนจากการเรียนอย่างเข้มข้นมาตลอด 12 ปี และคิดไตร่ตรองถึงการเรียนสุดท้ายในโรงเรียนมัธยมในช่วงที่เกิดโรคระบาดใหญ่ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัย
Yun Jae Kim จากโรงเรียนมัธยม Sangsan High School กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์นี้ไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่าการพบปะเพื่อนฝูงเป็นครั้งคราว เขาจึงคิดจะใช้เวลาส่วนใหญ่พักผ่อนอยู่ที่บ้าน และมีแผนจะสอบซูนึงอีกครั้งในปีหน้า เพราะต้องการเข้าโรงเรียนแพทย์หรือทันตแพทย์ให้ได้ ดังนั้นเขาจะเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบในช่วงเวลาว่างอีกด้วย
เรียกว่า ในภาวะตึงเครียดนี้ก็ยังมีสิ่งดี ๆ อยู่บ้าง เพราะในเกาหลีนั้นนักเรียนทุกคนต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมของการศึกษาเล่าเรียนที่เข้มงวดเป็นเวลา 12 ปี ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาสามารถหันไปให้ความสนใจกับงานอดิเรกที่อยากจะทำมากขึ้น และแม้ว่าจะเกิดโรคระบาด แต่พวกเขาก็จะสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสก่อนที่จะถึงวันปีใหม่ได้เช่นกัน