รายงานเชิงวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal เกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าวว่า บริษัท Walt Disney เลื่อนการเปิดสวนสนุก Shanghai Disney Resort จากปีที่แล้วมาเป็นวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ก็เพราะเป็นงานใหญ่มหาศาล ผนวกรวมทั้งโรงแรมและอาคารสถานที่สำหรับรายการบันเทิงต่างๆ นอกไปจากตัวสวนสนุกเอง ในขณะที่ต้องฝ่าฟันความแตกต่างทั้งทางการเมือง วัฒนธรรม และการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัท Walt Disney และรัฐวิสาหกิจของจีน
บทความของ Wall Street Journal แสดงความวิตกแทน Walt Disney ว่า การเปิดสวนสนุกในเดือนมิถุนายนปีนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจีนยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และนักท่องเที่ยวที่คาดหวังไว้คือคนชั้นกลางชาวจีน อาจยังไม่มีอารมณ์ที่จะอยากใช้เงิน
แต่ Disney ก็ยังมีความหวังว่า ความสำเร็จจากภาพยนตร์ประเภท blockbuster ของบริษัท เช่น “Star Wars: the Force Awakens” ที่เปิดฉายเมื่อเร็วๆนี้ในจีน อาจช่วยจูงใจนักท่องเที่ยวได้
Shanghai Disney Resort เป็นการลงทุนร่วมระหว่างบริษัทบันเทิงธุรกิจของสหรัฐกับจีนรายใหญ่ที่สุด โดย Disney เป็นผู้ถือหุ้นมากถึง 70% และเป็นผู้บริหารงานด้วย เพราะฉะนั้นความกดดันที่จะต้องทำให้สวนสนุกแห่งนี้ประสบความสำเร็จจึงมีมาก เพราะมียี่ห้อของ Disney เป็นเดิมพัน
ในขณะเดียวกัน คู่แข่งกำลังไล่หลังมาติดๆ Comcast Corp กำลังก่อสร้างสวนสนุก Universal Park มูลค่า 3.3 พันร้อยล้านดอลลาร์ที่ชานกรุงปักกิ่ง โดยอาจรวมรายการชุด Harry Potter ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวที่ Universal Park ในเมืองออแลนโด้ รัฐฟลอริดาด้วย
สวนสนุกเป็นธุรกิจทำเงินเป็นอันดับที่สองรองจากโทรทัศน์ของ Walt Disney ในปีที่แล้ว รายได้ของ Disney จากสวนสนุกเพิ่มขึ้น 7% เป็นมูลค่ารวม 16.1 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของรายได้ดังกล่าวมาจาก Disneyland ในฮ่องกง และ Walt Disney World ในกรุงปารีส ซึ่งกำลังชะลอตัวลง
แต่ Robert Iger ผู้บริหารของ Walt Disney เชื่อว่า Shanghai Disney Resort จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักท่องเที่ยวได้ชมละครเพลง “The Lion King” เป็นภาษาจีนกลาง