ทางการจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และอนุญาตให้ประชาชนในนครเซี่ยงไฮ้สามารถเดินทางออกมานอกอาคารบ้านเรือนของตนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 สัปดาห์ในวันอังคาร ขณะที่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายคุมเข้มต่อเศรษฐกิจของเมือง ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ในขณะที่ ประชากรราว 1 ใน 4 ของมหานครจีนแห่งนี้ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการที่บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ เรียกว่าเป็น “การล็อกดาวน์เต็มรูปแบบหรือบางส่วน” อยู่ ผู้นำจีนตัดสินใจค่อยๆ ลดระดับการคุมเข้มตามนโยบาย ‘โควิดเป็นศูนย์’ เพื่อไม่ให้มีผลเสียต่อเศรษฐกิจมากนัก แต่ยังมีท่าทีลังเลยที่จะดำเนินการเต็มที่ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการเกิดการระบาดใหญ่ระลอกใหม่อยู่
บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ บอช (Bosch) ของเยอรมนี และบริษัท เพกาทรอน (Pegatron Corp) ของไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ประกอบโทรศัพท์ไอโฟน ให้บริษัท แอปเปิล (Apple) เปิดเผยในวันอังคารว่า ทางบริษัทตัดสินใจระงับการทำงานที่โรงงานในจีนไว้ชั่วคราว เพราะข้อจำกัดต่างๆ ที่รัฐบาลจีนสั่งดำเนินการ โดยสถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ถึงความเสี่ยงด้านลบต่อเศรษฐกิจจีนและห่วงโซ่อุปทานโลกที่อยู่ในภาวะไม่แน่นอนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางการเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า พื้นที่กว่า 7,000 แห่ง ซึ่งสื่อท้องถิ่นประเมินว่า มีประชาชนอาศัยอยู่มากถึง 4.8 ล้านคน จากจำนวนประชากรเมืองทั้งหมด 25 ล้านคน ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากไม่มีรายงานการติดเชื้อโควิด-19 ติดต่อกันมานาน 14 วัน
แต่ขณะที่ ผู้คนบางส่วนในเซี่ยงไฮ้สามารถออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านได้บ้างตั้งแต่วันอังคาร ยังมีความสับสนในหมู่ประชาชนว่า อิสรภาพที่ว่านี้มีข้อจำกัดเพียงใด ขณะที่ หลายคนยังรอคำอนุญาตจากคณะกรรมการในพื้นที่ของตนให้ก้าวออกนอกบ้านได้อยู่
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จีนประเมินว่า อัตราการติดเชื้อรายวันนั้นน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่สูงต่อไปอีก 2-3 วัน โดยนครเซี่ยงไฮ้เองยังคงมีปัญหาควบคุมภาวะระบาดใหญ่ที่สุดของจีน นับตั้งแต่มีรายงานการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสเมื่อปลายปี ค.ศ. 2019 ที่นครอู่ฮั่นมา
ในเวลานี้ บริษัท โนมูระ ประเมินว่า พื้นที่ 45 เมืองในจีนน่าจะกำลังดำเนินการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบหรือบางส่วนอยู่ โดยประชากรจากพื้นที่เมืองเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนราว 26.4% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ และมีสัดส่วนจีดีพีที่ประมาณ 40.3% ของตัวเลขรวมของจีนด้วย
- ที่มา: รอยเตอร์