ลิ้งค์เชื่อมต่อ

'การข่มขืน' ยังคงเป็นปัญหาหลักในมหาวิทยาลัยสหรัฐ


Sen. Kirsten Gillibrand, D-N.Y., second from right, joins survivors of sexual assault Faith Ferber, third from right and Sage Carson, right, at a rally outside the Department of Education after handing signed petitions to the Department of Education that
Sen. Kirsten Gillibrand, D-N.Y., second from right, joins survivors of sexual assault Faith Ferber, third from right and Sage Carson, right, at a rally outside the Department of Education after handing signed petitions to the Department of Education that

Faith Ferber เป็นผู้ที่เข้าใจปัญหาความรุนแรงทางเพศในรั้วมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ได้ดีกว่าใคร เธอเริ่มเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย American University หรือ AU ในกรุงวอชิงตันเมื่อฤดูใบไม้ร่วง ปี พ.ศ. 2556 และในฤดูใบไม้ผลิปีต่อมา ทางมหาวิทยาลัยก็ประสบกับปัญหาใหญ่

ข้อความสนทนาระหว่างสมาชิกของกลุ่มนักศึกษาชายที่แสดงความคิดเห็นเรื่องการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ รวมถึงการข่มขืนอย่างเปิดเผย ถูกเผยแพร่ออนไลน์ และได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง

Ferber ได้ดำเนินการเพื่อรับมือกับปัญหานี้ในทันที โดยการจัดตั้งกลุ่ม “นักศึกษาที่ต่อต้านความรุนแรงทางเพศ” พร้อมทั้งจัดการประท้วง ซึ่งมีนักศึกษานับพันคนที่ลงนามในแถลงการณ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าของมหาวิทยาลัยดำเนินการกับปัญหานี้

AU ได้ไล่นักศึกษาที่มีส่วนร่วมในการก่อเหตุครั้งนี้ออกจากมหาวิทยาลัย 18 คน แต่ก่อนหน้านั้น Ferber ต้องตกเป็นเหยื่อเสียเอง

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เธอถูกข่มขืนที่งานเลี้ยงแห่งหนึ่ง Ferber บอกกับผู้สื่อข่าว VOA ว่า ในตอนแรกเจ้าหน้าที่ของ AU ก็ดูเหมือนว่าจะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีของเธอ แต่หลังจากการสืบสวนสิ้นสุดลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

เจ้าหน้าที่ของ AU ขอให้เธอลงนามในข้อตกลงที่ว่าเธอจะไม่หารือเกี่ยวกับรายละเอียดของคดีนี้ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ผู้ที่ทำร้าย Ferber พร้อมที่จะรับผิดชอบ แต่ทางมหาวิทยาลัยกลับไม่ได้ไล่นักศึกษาคนนั้นออกตามที่เธอเรียกร้อง เธอจึงติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่การสอบสวนที่มหาวิทยาลัย ปัจจุบันการสอบสวนนั้นก็ยังคงดำเนินอยู่

Ferber ยังคงต่อสู้กับปัญหาความรุนแรงทางเพศโดยการทำงานร่วมกับองค์กร Know Your IX ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความรู้แก่นักศึกษา ในการหาทางให้มหาวิทยาลัยรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

Ferber ชี้ว่า บรรดาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ไม่ควรปล่อยให้ความกลัวในเรื่องของสื่อมาทำให้งดการช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย และเธอกล่าวเสริมว่า การสนทนาเรื่องเพศและความรุนแรงทางเพศในสหรัฐจะต้องเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือนักศึกษาควรทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีต่อสุขภาพ”

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาคมมหาวิทยาลัยอเมริกันหรือ AAU ได้เปิดเผยผลการสำรวจ Campus Climate Survey ของปี พ.ศ. 2562 ที่สอบถามนักศึกษาเกือบ 182,000 คน เรื่องการข่มขืนกระทำชำเราและการประพฤติมิชอบ

การสำรวจชี้ให้เห็นว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นเด่นชัดในอัตราการข่มขืนในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ตั้งแต่การสำรวจครั้งแรกของ AAU ในปี พ.ศ. 2558 ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ มีจำนวนนักเรียนที่กล่าวว่าพวกเขาเข้าใจความหมายของคำว่ายินยอม และการทำร้ายร่างกายเพิ่มมากขึ้น และยังมีนักศึกษาจำนวนมากขึ้นที่ทราบวิธีที่จะรายงานเหตุการณ์ต่อเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน

อย่างไรก็ตาม การศึกษาของ AAU ในปีนี้ พบว่า ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งยังที่คงมีอยู่ คือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากยังไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ในสิ่งที่เกิดขึ้น จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่แจ้งมหาวิทยาลัยหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ยังอยู่ในระดับต่ำคือประมาณ 15% เท่านั้นเอง

Colby Bruno ที่ปรึกษาด้านกฎหมายอาวุโสแห่งศูนย์ Victim Rights Law Center ซึ่งให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกทำร้ายทางเพศ กล่าวว่า การให้ความรู้แก่นักศึกษาเกี่ยวกับความยินยอมถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และการที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัยประเภทนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเต็มใจที่จะดำเนินการเพื่อแก้ปัญหานี้

อย่างไรก็ตาม Bruno กล่าวส่งท้ายว่า สถานการณ์ในมหาวิทยาลัยจะไม่ดีขึ้น หากนักเรียนไม่มีความเข้าใจในคำว่าความยินยอมอย่างแท้จริง และทางมหาวิทยาลัยควรมีนโยบายที่เข้มงวดที่จะนำมาบังคับใช้ในการแก้ปัญหานี้

XS
SM
MD
LG