เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองสุราบายา ของอินโดนีเซีย ในวันจันทร์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 10 ราย ซึ่งรายงานระบุว่า ผู้โจมตีคือครอบครัวที่ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน โดยหนึ่งในนั้นรอดชีวิต เป็นเด็กผู้หญิงวัย 8 ขวบ
เหตุการณ์ "ระเบิดฆ่าตัวตายแบบครอบครัว" ครั้งที่สองในอินโดนีเซีย เกิดขึ้นหลังจากเพิ่งเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เพียงหนึ่งวัน โดยเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่อินโดฯ ระบุว่า ครอบครัวที่มีสมาชิก 6 คนได้ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์ชาวคริสต์ 3 แห่งในเมืองสุราบายาของอินโดนีเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 13 รายและบาดเจ็บ 41 คน
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ครอบครัวผู้ก่อเหตุ นอกจากจะมีพ่อและแม่ แล้วยังประกอบด้วยลูกสาวและลูกชายทั้งหมดอีก 4 คน โดยลูกคนเล็กสุดเป็นผู้หญิงวัย 9 ขวบ
ครอบครัวดังกล่าวเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศซีเรียไม่นานนี้ ตำรวจกล่าวด้วยว่าผู้ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม Jemaah Ansharut Daulah ซึ่งได้รับแนวคิดมาจากกลุ่มรัฐอิสลาม
กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ในเมืองสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศอินโดนีเซีย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายแบบครอบครัวติดๆ กัน ทั้งสองครั้งดังกล่าว ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย ได้เร่งเร้าให้สภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย ผ่านร่างกฎหมายต่อต้ายการก่อการร้าย เพื่อให้ตำรวจและหน่วยข่าวกรองได้รับอำนาจมากขึ้นในการจัดการกับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในประเทศ