การเปลี่ยนแปลงทางอายุของชาวนาอเมริกันจะแปลงโฉมหน้าภาคการเกษตรของสหรัฐในอนาคตอันใกล้เพราะชาวนาสูงอายุเหล่านี้จะเริ่มทยอยเกษียณอายุ
คุณ Adrienne Gibson ปลูกพืชผักบนที่ดินผืนเล็กทางเหนือของเมือง Knoxville มลรัฐ Tennessee ถือได้ว่าคุณ Gibson ประสบความสำเร็จในการทำการเกษตรในฐานะชาวนารายย่อยที่เป็นผู้หญิงเพราะส่วนใหญ่ชาวนาอเมริกันเป็นผู้ชายผิวขาวและเป็นชาวนารายใหญ่ นอกจากจะเป็นชาวนาผู้หญิงเเล้ว คุณ Gibson ยังเป็นคนกลุ่มน้อยด้วย
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสหรัฐชี้ว่าภาคการเกษตรของสหรัฐเริ่มปรับเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากเดิมเนื่องจากมีชาวนาที่เป็นคนกลุ่มน้อยเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ขนาดของที่ดินที่ใช้ในการเกษตรก็เริ่มมีขนาดเล็กลง
คุณ Gibson สร้างรายได้จากการทำการเกษตรบนที่ดินขนาดเล็กโดยใช้รูปแบบการเกษตรที่เรียกว่าการเกษตรสนับสนุนโดยชุมชนที่เรียกสั้นๆ ว่า CSA
คุณ Gibson จัดส่งผลผลิตที่ปลูกได้บนที่ดินให้เเก่ลูกค้าที่ตกลงเซ็นสัญญาและจ่ายเงินล่วงหน้า เธอกล่าวว่ามีลูกค้า CSA ทั้งหมด 23 คน ลูกค้าเหล่านี้เซ็นสัญญาและจ่ายเงินสนับสนุนฟาร์มล่วงหน้าและเธอจัดส่งผักที่ปลูกในฟาร์มให้ลูกค้าแต่ละคนคนละหนึ่งตะกร้าต่อสัปดาห์ตั้งเเต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน
คุณ Nate Phillips เป็นอาจารย์สอนวิชาการเกษตรที่มหาวิทยาลัย Middle Tennessee State University เขากล่าวว่าการเกษตรรายย่อยบนที่ดินขนาดเล็กเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของคนอเมริกันต่ออาหารที่รับประทาน
ศาสตราจารย์ Phillips กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าผู้บริโภคอเมริกันใส่ใจว่าแหล่งที่มาของอาหารและคุณภาพ เขาชี้ว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้มากขึ้นเรื่อยๆและความสนใจในแหล่งที่มาของอาหารช่วยดึงดูดคนหนุ่มสาวเข้าสู่ภาคการเกษตรมากขึ้น
ศาสตราจารย์ Phillips กล่าวว่ามีนักศึกษาที่เติบโตในเมืองสนใจเรียนวิชาการเกษตรมากขึ้น นักศึกษาเหล่านี้ไม่ใช่ลูกหลานชาวนาแต่กลับสนใจเรียนวิชานี้
คุณ Brandon Whitt เป็นหนึ่งในนักศึกษาเหล่านั้น มาปัจจุบันเขาได้กลายเป็นชาวนาเต็มตัว ที่ดินของเขากว้างใหญ่หลายพันไร่ แต่เขาหันมาใช้ยุทธศาสตร์ทางการตลาดแบบเดียวกันกับคุณ Gibson ชาวนาผู้หญิงรายย่อยที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ โดยคุณ Whitt ขายเนื้อจากหมูตอนให้เเก่คนในชุมชนแทนการขายส่งเเก่พ่อค้าคนกลาง
เขากล่าวว่าทางฟาร์มว่าเชือดหมูตอนขายเองโดยขายเนื้อหมูตอนโดยตรงแก่ลูกค้าผ่านร้านค้าปลีกของฟาร์มเองและขายให้เเก่ร้านอาหารและร้านค้าในท้องถิ่น
ศาสตราจารย์ Phillips ถือว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางบวกที่เกษตรกรสหรัฐเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคทั่วไปต้องการมากขึ้น ผู้ผลิตและผู้บริโภคมีความเหมือนกันมากขึ้น
ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ทางการสหรัฐชี้ว่าราคาผลผลิตภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์