เเม้ว่าทั้งกฏหมายอิสลามและกฏหมายการจราจรของประเทศซาอุดิอาระเบีย ไม่มีข้อห้ามที่ชัดเจนไม่ให้ผู้หญิงขับรถยนต์ เเต่ผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียไม่สามารถขอใบขับขี่รถยนต์ได้ และผู้หญิงที่ถูกจับได้ว่าขับรถยนต์ เเม้ว่าจะได้รับเเรงหนุนจากสมาชิกชายในครอบครัว ก็อาจจะถูกจับกุมได้
ด็อกเตอร์ Elham Al Ateeq แห่งมหาวิทยาลัย Imam Abdulrahman กล่าวว่า สังคมซาอุดิอาระเบียพร้อมเเล้วต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ และการเปลี่ยนแปลงนี้สำคัญมากต่ออิสรภาพของผู้หญิง เพราะจะสามารถไปไหนมาไหนได้เอง
การขับรถยนต์เองได้จะช่วยให้ผู้หญิงในซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะผู้หญิงทำงาน มีความสะดวกเเละก้าวหน้าในสังคม บรรดานักรณรงค์ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ยังสำคัญต่อเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะมีจำนวนผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียทำงานนอกบ้านเพิ่มขึ้น
Madeha Al-Ajroush นักรณรงค์สิทธิสตรีชาวซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า บทบาทของผู้หญิงมีความสำคัญมากขึ้นต่อการพัฒนาประเทศ และผู้หญิงมีภาระเพิ่มมากขึ้นจึงจำเป็นมากขึ้นที่ต้องขับรถยนต์เอง สังคมซาอุดิอาระเบียกำลังมีความซับซ้อนมากขึ้น และเข้าสู่ระดับนานาชาติมากขึ้น
Madeha Al-Ajroush เข้าร่วมในการประท้วงครั้งเเรกของกลุ่มผู้หญิงซาอุดิอาระเบียที่ต่อต้านการห้ามผู้หญิงขับรถยนต์เมื่อปี 1990 และในเดือนตุลาคมปี 2013 ผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียได้จัดการประท้วงระดับชาติขึ้น โดยบางคนขับรถไปตามท้องถนนในเมืองใหญ่หลายเมือง
Tamadour Al-Yami ผู้สื่อข่าวหญิงชาวซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า คาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสิทธิสตรีอีกหลายอย่างตามมา ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิผู้หญิงในการดูแแลตัวเองเเทนที่ต้องมีผู้ดูแล
ผู้หญิงซาอุดิอาระเบียชี้ว่าพวกเธอมีความคืบหน้าด้านสิทธิอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เเละจะยังต่อสู้การลิดรอนสิทธิสตรีต่อไป
ด็อกเตอร์ Elham Al Ateeq แห่งมหาวิทยาลัย Imam Abdulrahman กล่าวว่า ผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียได้มีบทบาทมากขึ้นทางการเมือ งแต่ยังมีหนทางที่ยาวไกล ต้องเคลื่อนไหวกันต่อไป และผู้หญิงยังมีบทบาทมากขึ้นทางการศึกษาอีกด้วย โดยมีจำนวนนักวิชาการผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นในมหาวิทยาลัย
ประชาคมโลกแสดงความยินดีต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดในซาอุดิอาระเบียที่ยกเลิกการห้ามผู้หญิงขับรถยนต์ โดยมองว่าเป็นก้าวย่างไปข้างหน้าที่สำคัญสำหรับประเทศนี้
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)