ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ตรวจสอบข่าว: สื่อมอสโกกล่าวหายูเครนทำการทารุณผู้คนในแคว้นเคิร์สกโดยไม่มีมูล จริงหรือไม่?


แฟ้มภาพ - ชาวรัสเซียนั่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ ที่หลบภัยในพื้นที่ที่กองกำลังยูเครนและรัสเซียสู้รบกันในเมืองซุดชา แคว้นเคิร์สก ซึ่งควบคุมโดยกองทัพยูเครน เมื่อ 16 ส.ค. 2567
แฟ้มภาพ - ชาวรัสเซียนั่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ ที่หลบภัยในพื้นที่ที่กองกำลังยูเครนและรัสเซียสู้รบกันในเมืองซุดชา แคว้นเคิร์สก ซึ่งควบคุมโดยกองทัพยูเครน เมื่อ 16 ส.ค. 2567
สื่อ TASS

สื่อ TASS

สำนักข่าวของรัฐบาลรัสเซีย

หน่วยรบที่โหดร้ายที่สุดของยูเครนและดำเนินปฏิบัติการเข้าไปในทิศทางแคว้นเคิร์สก [ของรัสเซีย] ประกอบด้วยทหารรับจ้าง ... ทหารรับจ้างคือพวกที่ทำการโหดร้ายอย่างที่สุดต่อพลเรือน

เป็นคำกล่าวอ้างที่ปราศจากหลักฐาน
สื่อชาติตะวันตกไม่พบหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับการกระทำอันโหดร้ายโดยกองทัพยูเครนต่อพลเรือนในแคว้นเคิร์สกของรัสเซียที่ยูเครนควบคุมอยู่

เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา กองทัพยูเครนประกาศว่า รัสเซียได้สั่งระงับการโจมตีโต้กลับเข้าใส่แคว้นเคิร์สกที่ยูเครนควบคุมไว้อยู่ และฝ่ายตนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

นับตั้งแต่ทำการรุกคืบเข้าไปในดินแดนของรัสเซียซึ่งไม่ทันตั้งตัวเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ยูเครนสามารถยึดครองพื้นที่ราว 1,300 ตารางกิโลเมตรของแคว้นเคิร์สกในรัสเซีย ซึ่งยังมีพลเรือนชาวรัสเซียหลายพันคนที่ยังคงปักหลักอาศัยอยู่ต่อไปภายใต้การปกครองของยูเครน

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 8 กันยายน สื่อ TASS ของรัฐบาลรัสเซีย อ้างแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม “ในกองกำลังรักษาความมั่นคง” และรายงานว่า หน่วยรบของยูเครนที่ประกอบด้วยทหารรับจ้างดำเนินการอันโหดร้ายต่อพลเรือนในแคว้นเคิร์สก:

“หน่วยรบที่โหดร้ายที่สุดของยูเครนและดำเนินปฏิบัติการเข้าไปในทิศทางแคว้นเคิร์สก [ของรัสเซีย] ประกอบด้วยทหารรับจ้าง ... ทหารรับจ้างคือพวกที่ทำการโหดร้ายอย่างที่สุดต่อพลเรือน

คำกล่าวอ้างนี้ปราศจากหลักฐานใด ๆ สนับสนุน

สื่อชาติตะวันตกหลายแห่งเดินทางไปยังพื้นที่แคว้นเคิร์สกของรัสเซียที่ยูเครนควบคุมอยู่ และไม่พบหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับการทารุณกรรมพลเรือนโดยกองทัพยูเครน (Armed Forces of Ukraine – AFU) เลย

ยูเครนยังได้ร้องขอให้องค์การสหประชาชาติและกาชาดเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ด้วย ขณะที่ เจ้าหน้าที่สืบสวนของรัสเซียไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว

ทั้งนี้ ยูเครนไม่มีทหารรับจ้างอยู่ในสังกัด มีแต่อาสาสมัครต่างชาติที่ทำสัญญาและเข้าร่วมกับ AFU อย่างเป็นทางการ เหมือนกับกรณีของประชาชนชาวยูเครน

สื่อชั้นนำอื่น ๆ ของรัฐบาลมอสโก ซึ่งรวมถึง สถานีโทรทัศน์ RT หรือ Russia Today และ Channel One Russia สถานี All-Russia State Television, Radio Broadcasting Company และสถานี Duma TV และเว็บไซต์ข่าว Lenta.ru รวมทั้ง Gazeta.ru รายงานหรือตีพิมพ์ข่าวของ TASS ที่กล่าวอ้างว่า มีการทารุณโหดร้ายอย่างสุดขีดโดยทหารรับจ้างต่างชาติในแคว้นเคิร์สก

บทความของ TASS นั้นอ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนและขาดซึ่งหลักฐานที่ตรวจสอบได้ด้วย

อีกด้านหนึ่ง สื่อชาติตะวันตกที่เดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว มีอาทิ สถานีโทรทัศน์ ไร-อูโน่ (Rai 1) ของอิตาลีซึ่งส่งรายงานจากเมืองซุดชา ในแคว้นเคิร์สก ออกมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมแล้ว

ในรายงานชิ้นนี้ สเตฟาเนีย บัตติสตินิ ผู้สื่อข่าวของ Rai 1 ได้พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ที่ยังปักหลักไม่หนีไปไหน และเมื่อมีการถามว่า กองทัพยูเครนปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไร ชาวบ้านรายหนึ่งตอบว่า “พวกเขาใจดีนะ”

ผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็น (CNN) เป็นอีกกลุ่มที่เดินทางเข้าไปยังพื้นที่แคว้นเคิร์สกซึ่งยูเครนควบคุมอยู่เมื่อกลางเดือนสิงหาคม และได้พูดคุยกับชาวบ้านซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ยากลำบากในช่วงที่มีการสู้รบเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครพูดเกี่ยวกับความโหดร้ายทารุณจากน้ำมือของทหารยูเครนเลย

อินนา ชาวรัสเซียวัย 68 ปี กล่าวว่า ทหารยูเครนได้นำ “อาหารกล่องมากมาย” มาให้ตัวเธอและพลเรือนรัสเซียที่หลบภัยอยู่ในชั้นใต้ดิน ขณะที่ เอฟิมอฟ ชาวรัสเซียวัย 90 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาและคนอื่น ๆ ต้องการหนีภัยไปฝั่งยูเครนด้วย

นิค คอนนอลลี ผู้สื่อข่าวจากสื่อ ดอยช์เวลเลอ (Deutsche Welle) ของเยอรมนี เดินทางไปยังแคว้นเคิร์สกในช่วงครึ่งหลังของเดือนสิงหาคม และรายงานถึงสภาพถนนที่ว่างเปล่าและเต็มไปด้วยอันตรายจากระเบิดมือที่ตกค้างอยู่และยังไม่ระเบิด รวมทั้งอาวุธอื่น ๆ ที่หล่นอยู่ตามพื้น ขณะที่ พลเรือนในพื้นที่ก็ต้องซ่อนตัวหลบภัยอยู่ตามชั้นใต้ดิน

คอนนอลลี ยังได้สัมภาษณ์ชาวรัสเซีย 2 รายที่เป็นลูกชายซึ่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและคุณแม่วัยชราของเขา เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม และทั้งคู่กล่าว ได้ใช้ชีวิตอยู่ในชั้นใต้ดินเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อหลบภัยจากการกระสุนปืนใหญ่ และได้ร้องทุกข์ว่า ทางการรัสเซียไม่ได้ทำอะไรในการช่วยจัดการอพยพเลย ขณะที่ ทหารยูเครนช่วยพวกตนให้เดินทางออกจากแคว้นเคิร์สกและไปหลบภัยในเมืองซูมีของยูเครนด้วย

ผู้สื่อข่าว Deutsche Welle รายนี้ได้พูดคุยกับชาวเมืองคนอื่น ๆ ที่มีทั้งผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนและวัยชราที่ต่างบอกว่า ทางการรัสเซียได้ลืมพวกตนไปแล้ว และว่า พวกตน “ไม่เคยได้รับโอกาสให้อพยพ” โดยไม่มีพลเรือนคนใดร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำอันโหดร้ายทารุณโดยทหารของ AFU เลย

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross - ICRC) ได้รับการร้องขอให้เฝ้าสังเกตการณ์ว่า มีการปฏิบัติตามหลักการด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ดังกล่าวหรือไม่

นับตั้งแต่เมื่อรัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตนเมื่อปี 2014 มอสโกได้พยายามพูดย้ำซ้ำ ๆ ประเด็น “ทหารรับจ้างต่างชาติ” มาโดยตลอด ขณะที่ ในความเป็นจริง ยูเครนเปิดรับอาสาสมัครต่างชาติเข้ามาร่วมกองทัพอยู่แล้ว และจ่ายเงินเดือนพร้อมดำเนินการให้ทุกคนมีฐานะเป็นทหารของยูเครน ไม่ใช่เพียงทหารรับจ้าง

  • ที่มา: ฝ่าย Polygraph วีโอเอ
XS
SM
MD
LG