ประธานาธิบดี Vladimir Putin ของรัสเซียลงนามในสนธิสัญญาผนวก Crimea เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย หลังผลการลงคะแนนเสียงแสดงประชามติใน Crimea ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าคะแนนเสียงส่วนใหญ่ต้องการเช่นนั้น
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐหลายรายให้ความเห็นว่า การลงคะแนนเสียงดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทางการ Crimea กล่าวว่า มีผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงแสดงประชามติมากกว่า 80% และ 97% ของคนเหล่านี้ต้องการให้ Crimea ไปรวมตัวอยู่กับรัสเซีย บัตรลงคะแนนเสียงเสนอทางเลือกไว้ให้สองทาง คือไปรวมตัวกับรัสเซีย หรือแยกตัวออกเป็นอิสระจากการปกครองของ Ukraine
นักวิเคราะห์ Robert Legvold ของมหาวิทยาลัย Columbia ในนครนิวยอร์ค ไม่คิดว่าการลงคะแนนเสียงใน Crimea ครั้งนี้เป็นการแสดงประชามติอย่างชอบธรรมและสุจริต
เขากล่าวว่า ถ้าเป็นการแสดงประชามติที่ซื่อสัตย์สุจริต และชาว Crimea ทุกกลุ่มมีส่วนเข้าร่วมด้วยอย่างจริงจัง ผลน่าจะตกระหว่าง 52 – 53% ไม่ใช่ 97% เมื่อคำนึงถึงสัดส่วนของคนกลุ่มต่างๆ ในคาบสมุทร Crimea ทำให้สงสัยว่า ที่ผลการลงคะแนนเสียงเป็นเช่นนั้น เพราะไม่เพียงแต่มีกำลังทหารรัสเซียใน Crimea เท่านั้น แต่ยังอาจมีการทุจริตด้วยได้
นักวิเคราะห์ Matthew Rojansky ของ Woodrow Wilson Center ในกรุงวอชิงตันบอกว่า ถ้าผู้บริหาร Crimea ซึ่งสนับสนุนรัสเซียไม่มั่นใจอย่างสูงในผลที่จะได้ ก็คงไม่จัดให้มีการแสดงประชามติ
สหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ได้เรียกการแสดงประชามติใน Crimea ว่าเป็นการดำเนินการผิดกฎหมายและละเมิดรัฐธรรมนูญของ Ukraine และได้ประกาศมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อบุคคล ทั้งที่เป็นคนสนิทของประธานาธิบดี Putin และชาว Ukraine ที่สนับสนุนการแบ่งแยก Crimea
แต่นักวิเคราะห์ของสถาบัน Woodrow Wilson ผู้นี้ บอกว่า คนเหล่านี้พร้อมที่จะรับการลงโทษเหล่านี้ เพราะในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Putin ได้เร่งรัดให้คนเหล่านี้เตรียมตัวด้วยการถอนทรัพย์สินของตนในต่างประเทศ และนำกลับไปรัสเซีย คนที่ทำตามคำแนะนำของประธานาธิบดี Putin ก็หัวเราะได้ ไม่ต้องวิตกกังวลกับมาตรการลงโทษจากต่างประเทศ ใครที่ไม่ทำตาม ก็ช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัสเซียคนนี้ คิดว่ามาตรการลงโทษเท่าที่สหรัฐและ EU ประกาศออกมาแล้วนั้น ไม่เข้มแข็งพอกับการกระทำของรัสเซีย แม้ทางการสหรัฐจะกล่าวไว้ว่า ยังจะมีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อไปอีก ถ้ารัสเซียยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวใน Ukraine
นักวิเคราะห์ของสถาบัน Woodrow Wilson ผู้นี้ ให้ความเห็นว่า ประธานาธิบดี Putin ไม่คิดว่าสหรัฐจะมีน้ำยาพอที่จะใช้มาตรการลงโทษที่ส่งผลอย่างจริงจัง อย่างเช่น กับภาคพลังงาน เพราะสหรัฐไม่ได้แสดงให้เห็นว่า พร้อมที่จะรับผลเสียที่เกิดขึ้นตามมา
แต่ Robert Legvold นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Columbia กล่าวส่งท้ายว่า ในการเพิ่มการลงโทษนั้น ผลกระทบยังย้อนกลับมาถึงตัวผู้ใช้มาตรการลงโทษนั้นได้ และอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกได้ด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐหลายรายให้ความเห็นว่า การลงคะแนนเสียงดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทางการ Crimea กล่าวว่า มีผู้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงแสดงประชามติมากกว่า 80% และ 97% ของคนเหล่านี้ต้องการให้ Crimea ไปรวมตัวอยู่กับรัสเซีย บัตรลงคะแนนเสียงเสนอทางเลือกไว้ให้สองทาง คือไปรวมตัวกับรัสเซีย หรือแยกตัวออกเป็นอิสระจากการปกครองของ Ukraine
นักวิเคราะห์ Robert Legvold ของมหาวิทยาลัย Columbia ในนครนิวยอร์ค ไม่คิดว่าการลงคะแนนเสียงใน Crimea ครั้งนี้เป็นการแสดงประชามติอย่างชอบธรรมและสุจริต
เขากล่าวว่า ถ้าเป็นการแสดงประชามติที่ซื่อสัตย์สุจริต และชาว Crimea ทุกกลุ่มมีส่วนเข้าร่วมด้วยอย่างจริงจัง ผลน่าจะตกระหว่าง 52 – 53% ไม่ใช่ 97% เมื่อคำนึงถึงสัดส่วนของคนกลุ่มต่างๆ ในคาบสมุทร Crimea ทำให้สงสัยว่า ที่ผลการลงคะแนนเสียงเป็นเช่นนั้น เพราะไม่เพียงแต่มีกำลังทหารรัสเซียใน Crimea เท่านั้น แต่ยังอาจมีการทุจริตด้วยได้
นักวิเคราะห์ Matthew Rojansky ของ Woodrow Wilson Center ในกรุงวอชิงตันบอกว่า ถ้าผู้บริหาร Crimea ซึ่งสนับสนุนรัสเซียไม่มั่นใจอย่างสูงในผลที่จะได้ ก็คงไม่จัดให้มีการแสดงประชามติ
สหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ได้เรียกการแสดงประชามติใน Crimea ว่าเป็นการดำเนินการผิดกฎหมายและละเมิดรัฐธรรมนูญของ Ukraine และได้ประกาศมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อบุคคล ทั้งที่เป็นคนสนิทของประธานาธิบดี Putin และชาว Ukraine ที่สนับสนุนการแบ่งแยก Crimea
แต่นักวิเคราะห์ของสถาบัน Woodrow Wilson ผู้นี้ บอกว่า คนเหล่านี้พร้อมที่จะรับการลงโทษเหล่านี้ เพราะในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Putin ได้เร่งรัดให้คนเหล่านี้เตรียมตัวด้วยการถอนทรัพย์สินของตนในต่างประเทศ และนำกลับไปรัสเซีย คนที่ทำตามคำแนะนำของประธานาธิบดี Putin ก็หัวเราะได้ ไม่ต้องวิตกกังวลกับมาตรการลงโทษจากต่างประเทศ ใครที่ไม่ทำตาม ก็ช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัสเซียคนนี้ คิดว่ามาตรการลงโทษเท่าที่สหรัฐและ EU ประกาศออกมาแล้วนั้น ไม่เข้มแข็งพอกับการกระทำของรัสเซีย แม้ทางการสหรัฐจะกล่าวไว้ว่า ยังจะมีมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อไปอีก ถ้ารัสเซียยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวใน Ukraine
นักวิเคราะห์ของสถาบัน Woodrow Wilson ผู้นี้ ให้ความเห็นว่า ประธานาธิบดี Putin ไม่คิดว่าสหรัฐจะมีน้ำยาพอที่จะใช้มาตรการลงโทษที่ส่งผลอย่างจริงจัง อย่างเช่น กับภาคพลังงาน เพราะสหรัฐไม่ได้แสดงให้เห็นว่า พร้อมที่จะรับผลเสียที่เกิดขึ้นตามมา
แต่ Robert Legvold นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Columbia กล่าวส่งท้ายว่า ในการเพิ่มการลงโทษนั้น ผลกระทบยังย้อนกลับมาถึงตัวผู้ใช้มาตรการลงโทษนั้นได้ และอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกได้ด้วย