รัสเซียเดินหน้าความพยายามลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดเงินตลาดทุนของตน จากที่ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินหลักในระบบการเงินโลกขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในทัศนะของผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ของรัฐบาลเครมลินเท่านั้น
ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางการรัสเซียเริ่มนโยบายห้ามใช้เงินดอลลาร์เป็นหลักประกันในการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนในตลาดหลักทรัพย์มอสโก (Moscow Exchange) ที่เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวนี้เพื่อที่จะลดการพึ่งพาระบบการเงินของโลกที่ถูกควบคุมโดยสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศพันธมิตร
นโยบายนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์มอสโกลดระดับหลักประกันที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์จาก 50% มาอยู่ที่ 25% แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่านโยบายล่าสุด เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเชิงสัญลักษณ์มากกว่าในทางปฏิบัติ เพราะธุรกิจของรัสเซียแทบจะไม่ได้ทำธุรกรรมโดยใช้สกุลเงินดอลลาร์ หลังจากถูกคว่ำบาตรเนื่องจากการรุกรานยูเครน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ตอกย้ำความพยายามของรัสเซียในการเอาชนะอุปสรรคด้านเศรษฐกิจที่ทางสหรัฐฯ และพันธมิตรนำมาใช้ เจ้าหน้าที่ของรัสเซียได้ออกมาเรียกร้องให้ภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป เลิกข้องเกี่ยวกับ “สกุลเงินที่เป็นพิษ” ที่เกิดจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีความต้องการที่จะขัดขวางรัสเซีย ในการขยายอาณาเขตด้วยกำลัง
ในเดือนกรกฎาคม แถลงการณ์ของธนาคารกลางรัสเซีย ระบุว่า “การปิดกั้นทรัพย์สินของรัสเซียโดยประเทศที่ไม่เป็นมิตร รวมถึงการจำกัดการชำระหนี้ในสกุลเงินสำรองที่สำคัญของโลก สร้างความเสี่ยงต่อประชาชนและภาคธุรกิจที่ใช้เงินสกุลดอลลาร์และยูโร”
ไม่กี่วันหลังรัสเซียส่งทหารเข้ารุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และพันธมิตร ที่รวมถึง สหภาพยุโรป แคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และประเทศที่สำคัญด้านเศรษฐกิจในโลกตะวันตก ได้สร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อให้รัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครน
สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของธนาคารกลางรัสเซียที่ถือครองในต่างประเทศ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่นเดียวกับทรัพย์สินของนักธุรกิจชาวรัสเซียที่ร่ำรวยจำนวนมาก ธนาคารสหรัฐฯ ถูกห้ามทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของรัสเซีย เป็นการตัดบริษัทเหล่านี้ออกจากการใช้เงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินสำคัญของการค้าโลก โดยมีข้อยกเว้น อย่างเช่น การชำระค่าพลังงาน
ธนาคารรัสเซียถูกถอดออกจากระบบ SWIFT เครือข่ายการเงินระดับโลกที่ธนาคารใช้ทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ส่งผลให้รัสเซียเผชิญความยากลำบากในการจัดซื้อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึง สินค้าที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจสมัยใหม่
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัสเซียได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อป้องกันตัวเองจากผลกระทบของสกุลเงินดอลลาร์ หากรัสเซียเดินหน้ารุกรานยูเครน ซึ่งจอช ลิปสกี้ ผู้อำนวยการอาวุโส จากศูนย์ Atlantic Council's GeoEconomics Center ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าววีโอเอว่า “ประเด็นสำคัญคือ ผู้นำรัสเซียอย่างปูติน และ เอลวิรา นาบิลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางของรัสเซีย มีความเชื่อว่าการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะพวกเขายังสามารถเปลี่ยนเป็นเงินยูโรและสกุลอื่น ๆ ได้”
แต่ลิปสกี้เสริมว่า “สิ่งที่ทำให้ทางรัสเซีย รู้สึกประหลาดใจก็คือ ความสามัคคีในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G-7 ที่ทำให้มีนโยบายเกี่ยวกับสกุลเงินดอลลาร์ ยูโร เยนและปอนด์ ที่สอดประสานกัน จนส่งผลให้รัสเซียไม่มีทางเลือก”
แม้จะถูกกีดกันด้านการค้ากับประเทศส่วนใหญ่ในโลก แต่ข้อยกเว้นที่รัสเซียสามารถขายพลังงานต่อไปได้ ทำให้ยังมีการส่งออกน้ำมันและก๊าซ ราคาของพลังงานที่สูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นปัจจัยที่ช่วยให้รัสเซียสามารถลดผลกระทบที่เลวร้าย จากการถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ
ขณะเดียวกัน รัสเซียพยายามที่จะพัฒนาทางเลือกอื่น ๆ จากการค้าและการเงินแบบดั้งเดิม อย่างเช่น ประเทศตุรกีชำระค่าก๊าซธรรมชาติด้วยสกุลเงินรูเบิล รวมถึงจีนและอินเดีย ทำธุรกรรมซื้อสินค้าพลังงานในสกุลเงินของตนเอง แทนที่จะใช้เงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัสเซียแสดงความเห็นเชิงยอมรับว่า ระบบการเงินที่แยกตัวอย่างเด็ดขาดจากเงินดอลลาร์ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้
อังเดร เดนิซอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศจีน กล่าวในเดือนมิถุนายนว่า "ตามหลักการแล้ว เป็นไปไม่ได้ ที่จะลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อพิจารณาว่าดอลลาร์เป็นสกุลเงินที่ใช้เป็นสื่อกลางในธุรกรรมระหว่างประเทศ”
เจฟฟรีย์ แมนคอฟฟ์ นักวิจัยที่มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัย National Defense University มองว่าการที่รัสเซียทำธุรกรรมในสกุลเงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์ เป็นแนวปฏิบัติที่ “ไม่เหมาะสม” และจะนำพาเศรษฐกิจของรัสเซียไปสู่ความมืดมน
แมนคอฟฟ์ อธิบายเพิ่มว่า “ณ จุดนี้ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่าเงินดอลลาร์ เพราะสามารถแปลงเป็นเงินสกุลอื่นได้อย่างกว้างขวาง มีตลาดหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องคอยหนุน การทำธุรกรรมจึงไม่มีความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน การที่รัสเซียใช้เงินสกุลอื่นจะทำให้มีเงินสดไหลเข้า แต่เงินดังกล่าวจะไม่สามารถไหลออกได้ เนื่องจากรัสเซียไม่สามารถซื้อสินค้าที่ต้องการจากประเทศอื่น ๆ เพราะอยู่ภายใต้การคว่ำบาตร”
รัสเซียไม่สามารถนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก รวมไปถึงชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์และส่วนประกอบสำหรับสินค้าด้านเทคโนโลยีชั้นสูง ที่จำเป็นสำหรับการผลิตในประเทศ
แมนคอฟฟ์ ชี้ว่าตราบใดที่รัสเซียยังถูกตัดขาดจากตลาดส่วนใหญ่ของโลก และมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รัสเซียจะมีทางเลือกอย่างจำกัด การผลิตสินค้าด้านเทคโนโลยีและด้านการทหาร ต้องเผชิญความยากลำบาก และหากสงครามยังคงดำเนินต่อไป ผลกระทบของข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ จะเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ที่มา: วีโอเอ