กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า กองทัพของตนทำลายโดรน 15 ลำและขีปนาวุธ 8 ลูกที่ยูเครนส่งมาโจมตี ขณะที่ เจ้าหน้าที่รัสเซียในภูมิภาคที่ติดกับชายแดนยูเครนกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 1 รายและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายเพราะโดรนของยูเครน
วยาเคสลาฟ กลาดคอฟ ผู้ว่าการเขตปกครองเบลโกรอด อ้างข้อมูลเบื้องต้นและระบุว่า ชายที่เสียชีวิตนั้นอยู่ในรถคันหนึ่งขณะเกิดการโจมตี และกล่าวเสริมว่า มีโดรนลำหนึ่งพุ่งมาชนกับต้นไม้และแรงระเบิดทำให้บ้านสองหลังที่อยู่ใกล้ ๆ กันเสียหายด้วย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวด้วยว่า ฝ่ายตนได้สกัดโดรนอีก 12 ลำที่เหนือน่านฟ้าเบลโกรอด และ 3 ลำที่เขตปกครองเคิร์สก ทางตะวันตกของประเทศด้วย
ส่วนที่ยูเครน โอเลห์ ซีเนฮูบอฟ ผู้ว่าการเขตปกครองคาร์คิฟ รายงานว่า รัสเซียทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธเข้าใส่ภูมิภาคนี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บหรือไม่
คำขู่สงครามนิวเคลียร์
และหลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ออกมาส่งสัญญาณความพร้อมของรัสเซียที่จะทำสงครามนิวเคลียร์กับชาติตะวันตกเมื่อวันพุธ รายงานข่าวชี้ว่า สิ่งที่ผู้นำเครมลินสื่อออกมานั้นคือ สาสน์เดิม ๆ ที่ตั้งใจจะบอกฝ่ายตรงข้ามว่า รัสเซียจะไม่ปล่อยอาณาเขตของยูเครนที่ฝ่ายตนยึดมาได้เป็นอันขาด
ขณะเดียวกัน เอเดรียน วัตสัน โฆษกของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า “วาทกรรมเรื่องนิวเคลียร์ของรัสเซียนั้นบ้าบิ่นและขาดความรับผิดชอบตลอดช่วงที่เกิดสงคราม(ยูเครน)นี้ ... เป็นรัสเซียเองที่รุกรานยูเครนอย่างโหดร้ายทั้งที่ไม่ได้มีการยั่วยุหรือเหตุผลใด และเราจะเดินหน้าสนับสนุนยูเครนที่กำลังปกป้องประชาชนของตนและดินแดนอธิปไตยของตนจากการรุกรานของรัสเซียอยู่”
เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของทำเนียบขาว กล่าวว่า “อย่างที่เราเข้าใจกันดี ปูตินออกมาพูดย้ำเรื่องนิวเคลียร์ของรัสเซีย ว่าพวกเขาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ถ้าอธิปไตยของพวกเขาถูกคุกคาม ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เราเองยังไม่เห็นเหตุผลใด ๆ ที่จะต้องปรับเปลี่ยนจุดยืนเรื่องนิวเคลียร์ของเราเอง หรือแม้แต่ข้อบ่งชี้ใด ๆ ว่า รัสเซียกำลังเตรียมจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน”
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุในการแถลงข่าวรายวันเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาว่า การเอาชนะการรุกรานของรัสเซีย “คือ เรื่องของความอยู่รอดสำหรับระบอบประชาธิปไตย” และว่า “ยูเครนมีความสามารถที่จะปกป้องตนเอง หากได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ”
ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า “ในการปกป้องตนเองอย่างที่เป็นมา เราได้ทำให้แน่ใจว่า จะไม่มีอาชญากรระหว่างประเทศคนใดจะรู้สึกอย่างทำการรุกรานอย่างปูตินอีก เราสามารถปกป้องชีวิตและเราต้องทำให้ได้”
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอเอฟพีและรอยเตอร์
กระดานความเห็น