เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียอาจใช้ 'ระเบิดนำวิถีรุ่นใหม่' ในการโจมตีใส่เมืองคาร์คิฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อวันพุธ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งคน บาดเจ็บอีก 19 คน รวมถึงเด็ก 4 คน
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวประณามการโจมตีครั้งนี้ ขณะที่หัวหน้าตำรวจเขตปกครองคาร์คิฟ โวโลดิเมียร์ ทีโมชโก เชื่อว่า รัสเซียใช้อาวุธระเบิดนำวิถีแบบใหม่ เรียกว่า UMPB D-30 ในการโจมตีครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งมีลักษณะผสมผสานระหว่างระเบิดนำวิถีกับขีปนาวุธ หรืออาจเรียกว่า "ระเบิดบินได้"
โอเลห์ ซีเนฮูบอฟ ผู้ว่าการเขตปกครองคาร์คิฟ ระบุว่า มีอาคารที่เสียหายจากการโจมตีครั้งนี้ทั้งหมด 14 แห่ง รวมทั้งที่พักอาศัย สถานพยาบาลและสถานศึกษา และว่า "ดูเหมือนรัสเซียตัดสินใจทดลองระเบิดดัดแปลงใหม่นี้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารเหล่านี้"
เมืองคาร์คิฟและพื้นที่โดยรอบมักตกเป็นเป้าของการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซียตลอดช่วงกว่าสองปีที่ผ่านมา แต่การใช้ระเบิดนำวิถีในลักษณะนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ประธานาธิบดีเซเลนสกี โพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ X ว่า "ความสยดสยองที่รัสเซียก่อขึ้นในเมืองนี้ยิ่งโหดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ" พร้อมเร่งเร้าให้พันธมิตรของยูเครนส่งระบบป้องกันตนเองทางอากาศและเครื่องบินรบไอพ่นให้แก่ยูเครนเพื่อใช้ในการรับมือการโจมตีของรัสเซีย
"ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลว่าทำไมระบบขีปนาวุธแพทริออต ที่มีใช้กันมากมายทั่วโลก จึงยังไม่สามารถปกป้องท้องฟ้าและชุมชนของเมืองคาร์คิฟและเมืองอื่น ๆ จากการโจมตีของรัสเซียได้อย่างทั่วถึง" เซเลนสกีกล่าว
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น