กองทัพรัสเซียยิงจรวดและปืนใหญ่เข้าใส่พื้นที่ใกล้ ๆ กับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในเมืองซาปอริห์เชียของยูเครนอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่า เกิดความเสียหายอย่างหนักในพื้นที่ดังกล่าว ท่ามกลางความหวาดกลัวว่า โรงงานนี้อาจถูกลูกหลงจากการโจมตีและเกิดการรั่วไหลของกัมมันตรังสีได้
ผู้ว่าการแคว้นดนิโปรเปทรอฟสก์ วาเลนติน เรซนิเชนโก กล่าวว่า การยิงโจมตีอย่างหนักในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมาส่งผลให้พื้นที่บางส่วนของเมืองนิโคโปล ซึ่งอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ราว 10 กิโลเมตรต้องตกอยู่ในความมืดเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้ และจรวดที่ถูกยิงเข้ามายังทำลายบ้านเรือนหลายสิบหลังในเมืองมาร์ฮาเน็ตส์ ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย
ส่วนเมืองซาปอริห์เชียซึ่งตั้งอยู่ที่ต้นน้ำห่างจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวราว 40 กิโลเมตรก็ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วย โดย อนาโตลีย์ เคอร์เตฟ สมาชิกสภาเมืองนี้เปิดเผยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 2 ราย
แต่แม้จะมีการโจมตีในบริเวณดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ราฟาเอล มารีอาโน กรอสซี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency – IAEA) กล่าวว่า “ระบบความปลอดภัยทั้งหมดยังคงทำงานได้ตามปกติ และยังไม่มีการเพิ่มขึ้นของระดับของกัมมันตภาพรังสีใด ๆ”
กรอสซี กล่าวด้วยว่า ยูเครนได้รายงานการตรวจวัดระดับกัมมันตภาพรังสีมาแล้วและทุกอย่างยังอยู่ในระดับปกติ ทั้งยังไม่มีเหตุบ่งชี้ของการรั่วไหลของไฮโดรเจนด้วย แม้เจ้าหน้าที่จะกังวลเกี่ยวกับระบบทำความเย็นของเตาปฏิกรปรมาณู ว่า หากเกิดหยุดทำงานลง ก็จะนำไปสู่การหลอมละลายนิวเคลียร์ได้
ขณะเดียวกัน มีการแจกจ่ายไอโอดีนแบบเม็ดให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้โรงไฟฟ้าซาปอริห์เชียแล้ว เพื่อป้องกันตัวในกรณีที่ได้รับสารกัมมันตรังสี
ผู้อำนวยการใหญ่ IAEA กล่าวด้วยว่า การยิงโจมตีใกล้ ๆ พื้นที่โรงไฟฟ้านี้ยังคงเป็นประเด็นความเสี่ยง ขณะที่ ทั้งรัสเซียและยูเครนยังคงกล่าวหากันและกันว่าเป็นผู้ยิงปืนใหญ่เข้าใกล้โรงงานซึ่งถูกรัสเซียยืดไปตั้งแต่ในช่วงต้นของการรุกรานยูเครน แต่ยังมีเจ้าหน้าที่วิศวกรยูเครนเป็นผู้ดูแลการทำงานอยู่
มีรายงานข่าวด้วยว่า ลานา เซอร์คาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีพลังงานยูเครน กล่าวว่า IAEA ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติน่าจะส่งตัวแทนเข้าตรวจสอบพื้นที่โรงงานดังกล่าวในสัปดาห์นี้แล้ว ขณะที่ รัฐบาลมอสโกกล่าวว่า ตนสนับสนุนการทำงานของ IAEA แต่ปฏิเสธที่จะถอนทหารออกจากพื้นที่โรงไฟฟ้านี้เพื่อเปิดทางให้มีการประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปลอดทหาร
ทั้งนี้ วิศวกรรายหนึ่งซึ่งทำงานที่โรงไฟฟ้าซาปอริห์เชียภายใต้การควบคุมของรัสเซียตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 มีนาคม บอกกับ วีโอเอ โดยไม่ขอเปิดเผยตัวตนเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย ว่า กองกำลังรัสเซียจัดวางกระสุนปืนใหญ่และระบบขีปนาวุธไว้ภายในและรอบ ๆ พื้นที่โรงงานจริง และยืนยันคำกล่าวอ้างของรัฐบาลยูเครนว่า รัสเซียเองคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดต่าง ๆ ที่ผ่านมา
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์