การระบาดของโคโรนาไวรัส ทำให้คนในเขตเมืองจำนวนหลายล้านคนทั่วโลกสามารถทำงานจากบ้านได้ มาเป็นเวลาหลายเดือนเเล้ว
ภายใต้สถานการณ์นี้ หลายคนคิดว่า มีความจำเป็นน้อยลงที่จะอยู่ในเขตเมืองที่เคยให้ความสะดวกต่อการเดินทางไปตึกสำนักงาน พวกเขาจึงมองหาบ้านในเขตชนบทอย่างจริงจังมากขึ้น
ที่ยุโรป การสำรวจความคิดปปเห็นประชาชนไม่นานนี้ชี้ว่า ร้อยละ 40 ของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ และกำลังหาซื้อบ้าน พิจารณาที่จะย้ายไปอยู่ในเขตชนบทระยะยาว
คนจำนวนมาก เห็นว่าโลกการทำงานในยุคโควิด-19 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ และพวกเขาไม่คิดว่าการทำงานที่สำนักงานแบบเดิม จะกลับมาเป็นอย่างที่เคยในอนาคตอันใกล้
เจมี่ เจมิสัน ผู้เชี่ยวชาญการเสาะหาที่อยู่อาศัยในเขตนอร์ฟอร์ค และซัฟฟอร์คของอังกฤษกล่าวว่า ผู้คนจำนวนไม่น้อยพบว่าพวกเขาสามาถทำงานจากบ้านในรูปแบบ work from home ได้อย่างมีความสุข
เขาบอกว่า เขาได้รับการสอบถามข้อมูลซื้อบ้านในเขตนอร์ฟอล์ค และซัฟฟอร์คจากคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 60
และคนเมืองก็เห็นสิ่งดึงดูดหลายประการจากชีวิตชนบท โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความสบายกระเป๋า
เป็นที่ทราบกันว่าราคาที่อยู่อาศัยในกรุงลอนดอนนั้นแพงลิบลิ่ว
หากใครเปลี่ยนใจจากการซื้ออพาร์ตเมนท์ในบางย่านของกรุงลอนดอน มาเป็นซื้อบ้านในเขตนอร์ฟอล์ค อาจจะได้บ้านขนาด 6 ห้องนอน ในราคาเดียวกันเลยทีเดียว
และนอกจากพื้นที่ที่มากขึ้น เวลาที่ถูกใช้ไปกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินที่เเออัดระหว่างบ้านและที่ทำงานในลอนดอน ยังอาจกลายเป็นเวลาเดินเล่นริมทะเลยามเย็น และการผ่อนคลายด้วยการทำสวนหลังบ้าน ในเขตนอร์ฟอล์คด้วย
บริษัท Savills ที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษ ทำสำรวจเมื่อเดือนที่แล้วเเละพบว่า ร้อยละ 30 ของชาวกรุงลอนดอน สนใจที่จะย้ายไปอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ หรือเขตชนบทมากขึ้น หากว่าจะซื้อบ้านหลังใหม่
ลูเชียน คุ้ก เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของบริษัท Savills บอกกับวีโอเอว่า อาจจะเกิด ‘ยุคทองของเขตชนบท’ ขึ้นได้ เขาบอกว่าการระบาดของโควิด-19 ได้ทำลายบางสิ่งบางอย่างของการอยู่ในเมืองใหญ่ และไม่คิดว่าการใช้ชีวิตในมหานครจะกลับมาเหมือนเดิมในเร็ววัน
หาก ‘ยุคทอง’ ที่ว่าเกิดขึ้นจริง โอกาสของการพลิกฟื้นเขตชนบท อาจชุบชีวิตใหม่ให้ส่วนอื่นๆของยุโรป
ที่อิตาลี สเตฟาโน โบรี่ สถาปนิกคนดังและนักวางผังเมือง กล่าวว่า ในประเทศของเขามีหมู่บ้าน 5,800 แห่ง ที่มีประชากรน้อยกว่า 5,000 คน โดยเกือบครึ่งหนึ่งกำลังถูกละทิ้งจากการพัฒนา เขาคิดว่ารัฐบาลควรสร้างเเรงจูงใจทางการเงินให้คนย้ายไปอยู่ชนบทด้วย
ทั้งนี้ ในอังกฤษภาคเอกชนส่งสัญญาณสนับสนุนชัดเจนขึ้น
เจมี่ เจมิสัน กล่าวว่ามีเจ้าของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่มีสำนักงานที่ตึก 4 แห่งในลอนดอน บอกเขาว่าจะให้พนักงานราว 200 คน เข้ามาที่สำนักงาน เพียง 2 วันต่อสัปดาห์ และบริษัทจะใช้พื้นที่สำนักงานเพียงตึกเดียวพอ วิธีนี้บริษัทจะสามารถประหยัดค่าเช่าพื้นที่สำนักงานได้ประมาณ 2 ล้าน 5 แสนดอลลาร์ต่อปี
ส่วน ลูเชียน คุ้ก แห่งบริษัท Savills กล่าวว่าเขตชนบทที่มีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ดี และระบบคมนาคมขนส่งที่สะดวกเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ จะเป็นย่านที่ได้เปรียบกว่าพื้นที่อื่นๆ ในยุคของการเปลี่ยนแปลงนี้