รัสเซียประกาศให้วันอาทิตย์เป็นวันแห่งการไว้อาลัย หลังเกิดเหตุยิงกราดที่งานคอนเสิร์ตที่ชานกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 130 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 180 คน
กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียเปิดเผยว่า ทีมกู้ภัยยังคงเดินหน้าค้นหาอาคารที่ถูกไฟไหม้อย่างหนักเพื่อหวังพบผู้ที่ยังรอดชีวิตจากเหตุสลดครั้งนี้ ขณะที่ ประชาชนนับร้อยออกมาร่วมบริจาคเลือดและเกล็ดเลือดเพื่อนำไปใช้รักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
เหตุยิงกราดครั้งนี้ถือการโจมตีที่รุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรัสเซียนับตั้งแต่เมื่อปี 2004 ที่เกิดนักรบกลุ่มติดอาวุธที่นับถือศาสนาอิสลามยึดโรงเรียนในเมืองเบสลานและจับคนกว่า 1,000 คนซึ่งรวมถึงเด็กนับร้อยเป็นตัวประกัน
ในเหตุสลดครั้งล่าสุดนี้ รายงานข่าวระบุว่า ชายติดอาวุธ 4 คนเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะที่ โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตความจุ 6,200 ที่นั่ง ก่อนจะทำการยิงเข้าใส่ผู้คนในระยะเผาขน ตามคำบอกเล่าของพยานผู้เห็นเหตุการณ์
กลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State – IS) ออกมาแสดงความรับผิดชอบผ่านแถลงการณ์ที่มีการโพสต์ผ่านแพลตฟอร์มเทเลแกรมว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยิงกราดนี้ แต่ยังไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดว่า คำกล่าวอ้างนี้เป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร
ถึงกระนั้น กลุ่ม IS ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่ภาพไม่ชัดนักแต่แสดงให้เห็นช่วงที่มือปืนบุกเข้าไปในสถานที่ที่น่าจะเป็น โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ด้วย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ที่มีการแสดง “ความเสียใจอย่างสุดซึ้ง” ต่อครอบครัวของเหยื่อ และประกาศให้วันอาทิตย์เป็น “วันแห่งการไว้อาลัยแห่งชาติ” พร้อมให้คำมั่นว่า จะติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาลงโทษให้ได้
ปธน.ปูติน ระบุด้วยว่า มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้แล้ว 11 คนซึ่งรวมถึง มือปืน 4 คนขณะพยายามหลบหนีไปยังเขตปกครองบริแยงสก์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะทางราว 340 กิโลเมตร
ผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า เหล่ามือปืน “พยายามหลบซ่อนและเคลื่อนตัวไปยังยูเครน โดยที่ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า มีการเตรียมการรอรับ(ผู้ก่อเหตุ)ที่ฝั่งยูเครน ให้มีการข้ามพรมแดนไปได้ด้วย”
ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคง Federal Security Service (FSB) ของรัสเซีย อ้างว่า มือปืนผู้ก่อเหตุมีการติดต่อกับฝั่งยูเครนและถูกจับได้ใกล้ ๆ กับชายแดน
ในการแถลงข่าวรายวันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปูตินว่า ยูเครนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และระบุว่า “ปูตินและพวกเศษสวะทั้งหลายพยายามป้ายสีคนอื่น”
ขณะเดียวกัน เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวระบุในวันอาทิตย์ว่า ยูเครน “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ เลย” เหตุการณ์สังหารหมู่ที่สถานที่จัดคอนเสิร์ตในมอสโก” และว่า “ไอซิส (กลุ่มรัฐอิสลาม) คือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียวต่อการโจมตีนี้ ไม่มีชาวยูเครนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย”
ทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แบ่งปันข้อมูลกับรัสเซียตั้งแต่เมื่อต้นเดือนแล้วว่า มีผู้วางแผนโจมตีมอสโกอยู่ และได้ออกคำเตือนแก่ชาวอเมริกันในรัสเซียเมื่อวันที่ 7 มีนาคมให้ระวังเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นด้วย แต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปูตินออกมาประณามคำเตือนของสหรัฐฯ ว่า เป็นความพยายามทำให้ชาวรัสเซียเกิดความกลัว
สื่อรัสเซียและผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเทเลแกรมที่ใกล้ชิดกับเครมลินได้เผยแพร่คลิปวิดีโอชิ้นหนึ่งออกมาที่แสดงให้เห็นภาพผู้ต้องหารายหนึ่งกล่าวว่า ตนได้รับเงินสินจ้างเพื่อก่อเหตุ และมีภาพของผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกสอบปากคำผ่านล่ามภาษาทาจิก
กลุ่มไอเอสนั้นมีการเคลื่อนไหวอย่างมากในประเทศทาจิกิสถานซึ่งมีพรมแดนติดกับอัฟกานิสถาน
หนังสือพิมพ์ The Kremlin Times รายงานว่า ประธานาธิบดีเอมอมาลี เราะห์มาน แห่งทาจิกิสถาน ได้พูดคุยกับปธน.ปูติน ทางโทรศัพท์ในวันอาทิตย์ โดยผู้นำทาจิกินสถานได้ประณามเหตุสลดที่เกิดขึ้น ขณะที่ เครมลินเปิดเผยว่า สองผู้นำได้ตกลงที่ “ยกระดับ” ความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างกันด้วย
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์
กระดานความเห็น