เดือนมิถุนายนเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ หรือ Pride Month ที่ชาวเลสเบียน เกย์ และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า LGBTQ ในสหรัฐฯ ควรจะมีเรื่องให้ฉลองหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประธานาธิบดีคนใหม่ที้สัญญาว่าจะสนับสนุนชาว LGBTQ สถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มดีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทำให้การรวมตัวจัดกิจกรรมกลุ่มไม่สามารถเกิดขึ้นได้ การที่สังคมยอมรับสิทธิของพวกเขามากขึ้น ตลอดจนตัวเลขการสนับสนุนการแต่งงานของคนเพศเดียวกันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติศาสตร์
แต่ทว่า บรรยากาศทั่วไปสำหรับชาว LGBTQ กลับดูอึมครึม สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่าที่ผ่านมา รัฐสภาของสหรัฐฯ ยังไม่สามารถขยายความคุ้มครองสิทธิพลเมืองให้กับ LGBTQ ได้ ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อการจัดงาน Pride ระดับใหญ่ ๆ ที่เคยจัดกันปีก่อน ๆ นอกจากนี้ การออกกฎหมายต่อต้านนกลุ่มบุคคลข้ามเพศ หรือ transgender ในรัฐที่พรรครีพับลิกันถือเสียงข้างมากยังเป็นข่าวร้ายของ LGBTQ อีกด้วย
เอ็ม ดรู เลวาสเซอร์ ทนายความผู้หนึ่งที่เป็นคนข้ามเพศ และยังเป็นผู้อำนวยการด้านความหลากหลายของสมาคมทนายความ LGBT แห่งชาติ กล่าวว่า ในเดือนมิถุนายนนี้ เขาเห็นข้อความ “Happy Pride” ในที่สาธารณะ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับโทรศัพท์หลายสายที่แจ้งเรื่องเด็กข้ามเพศที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง จนต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ซึ่งตรงกับข้ามกับแนวคิด Happy Pride ที่สนับสนุนให้บุคคลหลากหลายทางเพศได้เฉลิมฉลองอย่างมีความสุขในเดือนนี้อย่างสิ้นเชิง
ในวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันแรกของ Pride Month ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส ลงนามในกฎหมายที่ทำให้ฟลอริดาเป็นรัฐที่แปดในปีนี้ ที่ห้ามเด็กหญิงข้ามเพศไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสำหรับเด็กผู้หญิงในโรงเรียนรัฐบาล ส่วนรัฐอาร์คันซอ ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดรัฐดังกล่าว ยังได้ออกกฎหมายห้ามไม่ให้มีบริการด้านสุขภาพสำหรับคนข้ามเพศโดยเฉพาะ เช่น การใช้ฮอร์โมนส์ หรือ การใช้ยาเพื่อระงับฮอร์โมนที่ทำให้แตกเนื้อหนุ่มสาว ซึ่งเป็นบริการสุขภาพที่ช่วยลดอัตราความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในเยาวชนข้ามเพศอย่างมาก
เควิน เจนนิงส์ ซีอีโอแห่ง Lamda Legal ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์และต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTQ กล่าวว่า ปกติเยาวชนข้ามเพศเป็นกลุ่มคนชายขอบ และตกเป็นเป้าของการถูกกลั่นแกล้ง รังควาน และถูกเลือกปฏิบัติในโรงเรียนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐกลับเป็นฝ่ายเข้ามาร่วมวงทำร้ายเยาวชนข้ามเพศมากขึ้นอีกด้วย
กลุ่มคนข้ามเพศตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงค่อนข้างมาก ในปีนี้ มีคนข้ามเพศและคนที่แสดงออกทางเพศที่ไม่ตรงกับบรรทัดฐานของสังคม (gender nonconforming) ถูกฆ่าแล้วอย่างน้อย 28 คนในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมในปีนี้จะมีมากกว่า 44 คน ซึ่งเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ประเด็นทางการเมืองที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับนักเคลื่อนไหว LGBTQ คือ เนื้อหาในร่างกฎหมายแห่งความเท่าเทียม ที่จะขยายการคุ้มครองสิทธิพลเมืองทั้งประเทศให้กับกลุ่มคน LGBTQ ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่มีพรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมาก และจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ร่างดังกล่าว จำเป็นต้องได้เสียงจากวุฒิสมาชิกอย่างน้อย 10 เสียง จึงจะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา แต่ที่ผ่านมา ยังไม่มี ส.ว.รีพับลิกันคนใดที่ออกมาสนับสนุนร่างกฎหมายแห่งความเท่าเทียมดังกล่าว
เดือนนี้ ยังมีการจัดงาน Pride อยู่ แต่หลายงานต้องทำให้เล็กลง หรือเลื่อนออกไป งาน Pride บางแห่ง เช่นที่นครซานฟรานซิสโก และ ลอสแอนเจลิส ถูกยกเลิกติดต่อกันเป็นปีที่สองแล้ว เนื่องจากความไม่แน่นอนของมาตรการโควิด-19 ทำให้ผู้จัดงานบางแห่งเลือกที่จะจัดกันเล็ก ๆ ส่วนเมืองฟิลาเดลเฟีย ได้ยกเลิกการจัดงานพาเหรดใหญ่ และมีแผนที่จะจัดงานรื่นเริงในวันที่ 4 กันยายนแทน ในขณะที่การเดินพาเหรดในนครชิคาโก ถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 3 ตุลาคม
ในมหานครนิวยอร์ก งาน NYC Pride ส่วนใหญ่จะเป็นงานจัดผ่านระบบออนไลน์ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ทำให้ชุมชน LGBTQ รู้สึกชื่นใจขึ้นมาบ้างเช่น การยกเลิกการห้ามบุคคลข้ามเพศไม่ให้เข้าร่วมกองทัพซึ่งเป็นข้อห้ามที่มีขึ้นในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การแต่งตั้ง พีท บุดดิเจ็จ นักการเมืองที่เป็นเกย์ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และแต่งตั้ง ดร.เรเชล ลาวีน บุคคลข้ามเพศ ให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
และในสัปดาห์นี้ ผลสำรวจของแกลลัปพบว่า ปัจจุบันมีคนอเมริกันกว่า 70% ที่สนับสนุนการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดตั้งแต่แกลลัปเริ่มสำรวจความคิดเห็นในหัวข้อดังกล่าวเมื่อ 25 ปีก่อน ซึ่งในตอนนั้น การสนับสนุนของสังคมอยู่ที่ 27% เท่านั้น
แต่สำหรับนักเคลื่อนไหว LGBTQ แล้ว ข่าวดีเหล่านี้ ถูกบั่นทอนด้วยสิทธิที่ถดถอยของบุคคลข้ามเพศ ซึ่งมีมาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การห้ามไม่ให้นักเรียนข้ามเพศในโรงเรียนใช้ห้องน้ำหรือห้องล็อคเกอร์สำหรับผู้ที่ไม่ระบุเพศ หรือการที่สมาคมนักกีฬาเยาวชน เลือกที่จะจัดการแข่งขันซอฟท์บอลและเบสบอลในรัฐที่ห้ามไม่ให้เยาวชนหญิงข้ามเพศเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาของเพศหญิง เป็นต้น
ชาวอเมริกันข้ามเพศบางคนให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขารู้สึกโล่งใจที่รัฐบาลของไบเดนให้การสนับสนุนการขยายขอบเขตสิทธิของ LGBTQ แต่พวกเขาเห็นว่า LGBTQ ไม่ควรจะชะล่าใจมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นชัยชนะ ยังต้องเดินหน้ากดดันรัฐบาลและเคลื่อนไหวต่อไป เพราะกลุ่มบุคคลข้ามเพศ ยังเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายและเลือกปฏิบัติมากที่สุด
เดือน Pride Month อาจจะเป็นเดือนที่เฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาต้องตระหนักเช่นกันว่า ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จำเป็นต้องทำ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมของ LGBTQ
