องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ระบุว่า ความพยายามต่อสู้กับความอดอยากของทางองค์การร่นถอยไปอีกสิบปี เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความยากจนและความอดอยากเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่
แม็กซิมา โทเรโร คุลเลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอฟเอโอ ระบุว่า ปัญหาความอดอยากนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องการขาดแคลนอาหาร แต่เป็นเพราะผู้คนเข้าถึงอาหารไม่ได้ เนื่องจากตกงานและไม่มีรายได้ ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญความท้าทายอย่างหนักจากปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ซึ่งอาจทำให้มีผู้คนที่อยู่ในภาวะทุพโภชนาการเพิ่มขึ้นถึง 132 ล้านคน และ 150 ล้านคนอาจเข้าสู่ภาวะความยากจนสุดโต่ง
คุลเลน ระบุว่า กลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดคือกลุ่มที่ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สงบหรือเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น ในบริเวณแอฟริกาใต้สะฮาราและบริเวณรอยต่อทะเลทรายสะฮารา หรือ ในแอฟริกาตะวันออกที่เผชิญปัญหาฝูงตั๊กแตนระบาดหนัก ซึ่งถือเป็นปัญหาแมลงระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 70 ปีของเคนยา ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนหลายล้านคน
แม้ไวรัสโควิด-19 จะระบาดหนักในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ผลการสำรวจของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามในแอฟริกาได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงเริ่มการระบาดของไวรัสแล้ว
ฮาลิมาโตอู อะมาโดอู เจ้าหน้าที่ของ ICRC ระบุว่า มีผู้ตอบแบบสอบถาม 2,400 คนใน 10 ประเทศในทวีปแอฟริกา และ 94 เปอร์เซ็นต์ของผู้ทำแบบสอบถามระบุว่า อาหารในตลาดท้องถิ่นมีราคาสูงขึ้น และมี 82 เปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่า พวกเขาสูญเสียรายได้ไปในช่วงการระบาดของไวรัส โดยมีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีเงินกับพอที่จะใช้ชีวิตในสถานการณ์เช่นนี้ได้
อะมาโดอูยังกล่าวด้วยว่า ประชาชนถึง 2.8 ล้านคนในประเทศบูร์กินาฟาโซ่เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารขั้นวิกฤติ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าปีที่แล้วถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ มีผู้คนกว่าหนึ่งล้านคนต้องพลัดถิ่นและสูญเสียการเข้าถึงพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงอาหารที่ยากขึ้นไปอีก