นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวชื่นชมพระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งคริสตจักรโรมันแคธอลิคต่อกลุ่มผู้นับถืศาสนาคริสต์เมื่อวันอังคารที่กรุงวอชิงตัน ผู้นำสหรัฐบอกว่าพระองค์ทรงช่วยเหลือผู้ยากไร้ด้วยใจอย่างที่สุด
ถ้อยแถลงลักษณะนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่หนักแน่นมากขึ้นระหว่างสหรัฐกับนครวาติกัน ซึ่งเคยเห็นเป็นที่ประจักษ์ไม่นานนี้ ในกรณีที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงช่วยเป็นคนกลางประสานความตึงเครียดที่ยาวนานของสหรัฐและคิวบาสำเร็จมาแล้ว
ในครั้งที่ท่านทรงเสด็จเยือนกรุงฮาวานาของคิวบาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ผู้ที่ได้ร่วมพิธีทางศาสนาที่คิวบาในครั้งนั้นปลาบปลื้มในบทบาทของโป๊ปฟรานซิส
ริคาร์โด รอดิเกซ กล่าวว่าท่านไม่ใช่เป็นแค่ผู้นำศาสนาจักรเท่านั้นแต่ยังเป็นผู้ประสานความเป็นมิตรของคนในโลกด้วย ภายหลังจากที่พระสันตะปาปาฟรานซิสเป็นตัวกลางเชื่อมต่อความสัมพันธ์สหรัฐและคิวบา ทั้งสองประเทศรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคธอลิคถูกเคยกดให้อยู่ใต้การปกครองคอมมิวมิสต์เมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน นิกายแคธอลิคกลับมาได้รับการยอมรับและเฟื่องฟูตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลง
นักวิเคราะห์ มาสซิโม ฟรังโก ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Vatican According to Francis กล่าวกับวีโอเอว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสได้รับความเชื่อใจจากคิวบาเพราะท่านมีพื้นฐานครอบครัวมาจากอเมริกาใต้เช่นกัน และก่อนที่ท่านจะรับตำแหน่งโป๊ปทรงเป็นอาร์คบิช็อบแห่งอาร์เจนติน่ามาด้วย
มาสซิโม ฟรังโก กล่าวว่าการที่ท่านไม่ได้มาจากยุโรปมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหลายอย่างของวาติกัน และบทบาทของศาสนจักรโรมันแคธอลิคในเวทีโลก
ทั้งนี้ พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงพยายามประสานรอยร้าวระหว่างรัสเซียและโลกตะวันตกด้วย ซึ่งนักเขียนฟรังโกเตือนว่าการเข้าไปเป็นตัวกลางในความขัดแย้งอาจนำภัยมาสู่ตัวได้
อย่างไรก็ตามเขากล่าวทิ้งท้ายว่า แม้จะมีความเสี่ยงในบทบาทนักการทูตของพระสันตะปาปาฟรานซิส แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย และนักวิเคราะห์หลายคนให้ความสนใจการใช้อำนาจนุ่มหรือ soft power ของโป๊ปพระองค์นี้อย่างใกล้ชิด
โปรดติดตามรายละเอียดจากคลิปเรื่องนี้ในรายการข่าวสดสายตรงจากวีโอเอ
รายงานโดย Henry Ridgwell /เรียบเรียงโดยรัตพล อ่อนสนิท