สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงร้องขอให้สันติภาพกลับคืนสู่ยูเครน ระหว่างการให้โอวาทแก่ผู้ที่มารวมตัวกันที่ลานจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์สในวันอาทิตย์
ท่ามกลางบรรยากาศของวันอีสเตอร์ที่ว่ากันว่า เป็นวันที่มีความสุขที่สุดของผู้นับถือศาสนาคริสต์ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงแสดงความกังวลต่อสถานการณ์การสู้รบในยูเครน และตรัสว่า “ขอให้เกิดสันติในยูเครนที่ระส่ำเพราะภาวะสงคราม และเจ็บปวดเพราะความรุนแรงและการทำลายล้างจากสงครามอันไร้สาระที่ดำเนินมาจนถึงวันนี้”
คำวิงวอนของผู้นำคริสตจักรโลกในครั้งนี้มีออกมาหลังการเสร็จสิ้นพิธีมิสซาวันอีสเตอร์ ที่มีผู้นับถือศาสนาคริสต์จำนวนมากถึงราว 50,000 คนมารวมตัวกันที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ส เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เมื่อต้นปี ค.ศ. 2020 โดยหลังสิ้นคำกล่าวของโป๊ปฟรานซิส แล้ว ก็มีเสียงปรบมือกึกก้องจากทั้งที่บริเวณหน้าลานและพื้นที่รอบข้างดังไปทั่ว
สมเด็จพระสันตปาปา ยังทรงขอให้ผู้คนอย่าทำตัวคุ้ยเคยกับภาวะสงคราม และทรงขอให้ทุกคนช่วยกันอ้อนวอนให้เกิดสันติสุข และขอให้ผู้นำทั้งหลายได้ยินเสียงวิงวอนของผู้คนให้นำพาสันติสุขกลับคืนมาด้วย
นอกจากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาได้ทรงเน้นย้ำภัยคุกคามของสงครามและหยิบยกคำพูดของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่กล่าวไว้เมื่อปี ค.ศ. 1955 ว่า “เราควรจะทำให้มวลมนุษยชาติดับสูญ หรือ มนุษยชาติควรจะหยุดทำสงครามได้แล้ว”
และนอกจากสถานการณ์ในยูเครนแล้ว โป๊ปฟรานซิส ยังส่งพูดถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในลิเบียและเยเมน ซึ่งทรงระบุว่า “ประสบภาวะยากลำบากจากเหตุความขัดแย้งที่หลายคนลืมไปกันหมดแล้ว” ด้วย
ขณะเดียวกัน ที่กรุงลอนดอน อาร์คบิชอพแห่งแคนเทอร์เบอร์รี จัสติน เวลบี เรียกร้องให้รัสเซียทำการประกาศหยุดยิงและถอนกำลังออกจากยูเครน พร้อมระบุว่า วันอีสเตอร์นั้น คือเวลาของสันติ ไม่ใช่ “การใช้แต่กำลัง” พร้อมๆ กับประณามแผนของรัฐบาลอังกฤษในการส่งตัวผู้ลี้ภัยบางส่วนไปยังรวันดาว่า “ขัดพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า”