รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอกล่าววันอังคารว่าสหรัฐฯกำลังยกเลิกวีซ่าชาวซาอุดิอาระเบียที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการสังหารนักข่าว จามาล คาชอกกี ผู้ที่วิพากวิจารณ์มกุฎราชกุมารโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน ของซาอุฯ
รัฐมนตรีพอมเพโอ กล่าวด้วยว่าสหรัฐฯกำลังดูช่องทางการใช้อำนาจตามกฎหมายอเมริกัน ภายใต้พระราชบัญญัติ Global Magnitsky Act ในการลงโทษคนเหล่านี้
อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีวีซ่าเข้าอเมริกาของชาวซาอุดิอาระเบียกี่รายที่ถูกยกเลิก
และเมื่อถูกถามว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมหมัด บิน ซัลมานมีบทบาทอย่างไรหรือไม่ต่อการสังหาร นายคาชอกกี ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์อเมริกัน Washington Post รัฐมนตรีพอมเพโอกล่าวว่า "ขณะนี้เรากำลังศึกษาข้อเท็จจริงอยู่"
เมื่อวันศุกร์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของซาอุฯ นาย อเดล อัล จูเบียร์ กล่าวว่าการสังหารนายคาชอกกี เป็นการกระทำที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ปฏิเสธว่ามกุฎราชกุมาร บิน ซัลมานเป็นผู้ออกคำสั่งฆ่าคอลัมนิสต์ผู้นี้
ข่าวการยกเลิกวีซ่าครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก สหรัฐฯร่วมประณาม "อย่างรุนแรงที่สุด" ต่อการสังหารนายคาชอกกี ในแถลงการณ์ของประเทศกลุ่มจี 7
รัฐมนตรีที่เข้าร่วมการประชุมจี 7 ซึ่งมีสมาชิกเป็นประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก กล่าวว่าต้องมีการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
นายคาชอกกี ถูกสังหารที่สถานกงสุลซาอุดิอาระเบียที่นครอิสตันบูลของตุรกีซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเดินทางไปทำธุระด้านเอกสารเพื่อเเต่งงานใหม่ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
ตำรวจตุรกีกล่าวว่า นายคาชอกกีถูกสังหารภายในสถานกงสุล ศพของเขาถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ และตำรวจให้ข้อมูลถึงความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีการวางแผนมาอย่างดี
แม้ทางการซาอุดิอาระเบียยอมรับว่า นายคาชอกกีถูกสังหารจริง แต่ให้ข้อมูลในลักษณะที่ว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุเพียงลำพังไม่ได้รับคำสั่งจากใคร (rogue agents)
ทางการริยาดให้รายละเอียดว่า บุคคลเหล่านี้มีปากเสียงกับนายคาชอกกี และเกิดการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจนทำให้เขาเสียชีวิต ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุอาจไม่ได้วางแผนสังหารมาก่อน
ในช่วงราวหนึ่งปีที่ผ่านมา นายคอชอกกีซึ่งมีสัญชาติซาอุฯอาศัยอยู่ในสหรัฐฯเป็นหลัก เนื่องจากกังวลถึงความปลอดภัยของตน หลังเขียนบทความวิจารณ์ราชวงศ์ซาอุฯบ่อยครั้ง