เหลืออีกเพียงสี่วันก็จะครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ ก่อการร้าย 11 กันยายน ปี ค.ศ. 2001 ในสหรัฐฯ ซึ่งโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการด้านความมั่นคงขึ้นมาเพื่อปกป้องความปลอดภัยของประชาชน
เมื่อเวลาผ่านไปมาตรการเก็บข้อมูลประชาชนทั้งในและนอกประเทศที่เคยได้รับการสนับสนุนจากคนอเมริกัน กลับได้รับเเรงต่อต้านมากขึ้น ณ ขณะนี้
สำนักข่าวเอพี (Associated Press) รายงานโดยอ้างโพลล์ที่ทำร่วมกับองค์กร NORC Center for Public Affairs Research ว่า คนอเมริกันร้อยละ 46 ไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปอ่านอีเมลของบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในสหรัฐฯ โดยไม่มีหมายค้น แม้ว่าจะทำไปเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามต่อสหรัฐฯก็ตาม
และมีเพียงร้อยละ 27 ของผู้ตอบเเบบสอบถามที่เห็นด้วย ตามข้อมูลในโพลล์ของ AP-NORC ที่สำรวจความคิดเห็นของคนช่วงวันที่ 12-16 สิงหาคม
อันที่จริงมาตรการดังกล่าวสามารถทำได้ตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บข้อมูลข่าวกรองต่างประเทศ
เมื่อมองย้อนกลับไป 10 ปีที่เเล้วผู้ที่สนับสนุนการสอดเเนมลักษณะดังกล่าวมีมากกว่าผู้ที่ไม่เห็นด้วยคือ ร้อยละ 47 ต่อ 30
ตัวเลขที่เห็นถือว่าเป็นไปในทางตรงข้ามกับปัจจุบัน แม้ว่าในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญเริ่มเตือนถึงความเป็นไปได้ที่กลุ่มติดอาวุธในต่างแดนจะกลับมาสั่งสมกำลังอีกครั้งหลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน
ผลโพลล์ครั้งนี้เเสดงให้เห็นถึงความคิดที่เปลี่ยนไป ที่คนอเมริกัน ซึ่งเคยยอมรับการเก็บข้อมูลการติดต่อสื่อสารของคนเพื่อปกป้องประเทศชาติ ขณะนี้กลับกังวลต่อรูปแบบและเครื่องมือการสอดเเนมที่มีมากมายในปัจจุบัน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นฐานเสียงของเดโมเเครตหรือรีพับลิกันก็ตาม
ปัจจุบันยังได้เกิดอุปกรณ์เก็บข้อมูลการใช้ชีวิตของคนใหม่ๆ ตั้งเเต่กล้องเก็บภาพทางจราจร สมาร์ททีวี เเละเครื่องมืออื่นๆ ที่ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องพวกเขาทุกหนเเห่ง
โพลล์ของ AP-NORC ครั้งนี้ระบุว่าสองในสามของคนอเมริกันไม่เห็นด้วยกับความเป็นไปได้ที่ทางการสามารถแอบฟังบทสนทนาหรืออ่านเท็กซ์ ทางโทรศัพท์ และอีเมลที่เกิดขึ้นในประเทศ
สำหรับเรื่องการสอดเเนมของรัฐต่อพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตของประชาชนซึ่งรวมถึงชาวอเมริกัน โดยไม่มีหมายศาล เมื่อ 10 ปีก่อนมีผู้เห็นด้วยประมาณครึ่งหนึ่ง เทียบกับปัจจุบันที่ลดลงมาเหลือร้อยละ 25 ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยในปัจจุบันอยู่ที่ราวร้อยละ 50
สำนักข่าวเอพียังได้เสนอผลสำรวจความเห็นเรื่องการทำสงครามอิรักและอัฟกานิสถานด้วย
ผลโพล์ชี้ว่าประมาณร้อยละ 60 ของอเมริกันชน คิดว่าทั้งสองสนามรบไม่คุ้มที่อเมริกาทุ่มเททำสงคราม ทั้งนี้หากว่าผู้ตอบเเบบสอบถามเป็นฐานเสียงรีพับลิกันพวกเขามีความเป็นไปได้มากกว่าฐานเสียงเดโมเเครต ที่จะเห็นว่าคุ้มค่าในการทำสงคราม
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งจากโพลล์คือ ในปัจจุบันภัยคุกคามจากกลุ่มความคิดสุดโต่งภายในประเทศสร้างความกังวลแก่คนอเมริกัน มากกว่าขบวนการในต่างประเทศ
จำนวนผู้ตอบเเบบสอบถามที่ระบุว่า “กังวลอย่างยิ่ง” และ “กังวล” ต่อขบวนการสุดโต่งภายในประเทศคิดเป็นราวๆสองในสามของกลุ่มตัวอย่างที่ AP-NORC ทำการสำรวจความเห็น เทียบกับราวๆ ครึ่งหนึ่ง ที่ตอบว่า “กังวลอย่างยิ่ง” และ “กังวล” ต่อขบวนการสุดโต่งภายนอกประเทศ
ท้ายสุด ผู้อำนวยการหน่วยงานสืบสวนกลางสหรัฐฯหรือเอฟบีไอ คริสโตเฟอร์ เวรย์ เคยกล่าวว่า การก่อการร้ายจากกลุ่มภายในประเทศ อย่างที่เห็นจากการบุกยึดรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 มกราคม กำลังขยายตัวในอเมริกา และจำนวนผู้กระทำผิดจากความคิดต่อต้านคนต่างเชื้อชาติสีผิวก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
(ที่มา: สำนักข่าวเอพี)