รัฐบาลฟิลิปปินส์กล่าวในวันพฤหัสบดีว่าจะยังไม่เปลี่ยนท่าทีในความขัดแย้งกับจีนเหนือสันดอนซาบีนา แต่ก็หาช่องทางลดความตึงเครียดระหว่างที่มีการพูดคุยในประเด็นนี้ ตามการรายงานของรอยเตอร์
สันดอนซาบีนากลายเป็นด่านหน้าความขัดแย้งระหว่างสองชาติ หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งไม่พอใจฟิลิปปินส์ ที่คงกำลังพลไว้ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเฝ้ามองความเคลื่อนไหวของจีนว่าจะเข้ามาครอบครองน่านน้ำบริเวณนั้นหรือไม่
ระหว่างการประชุมของเจ้าหน้าที่จีนและฟิลิปปินส์เมื่อวันพุธ ทางจีนประกาศว่าจะ “ยึดมั่นในอธิปไตยของตนอย่างแน่วแน่” และย้ำในข้อเรียกร้องให้ยามชายฝั่งฟิลิปปินส์ ที่ทอดสมอในสันดอนมาตั้งแต่เดือนเมษายนล่าถอยออกไป
เทเรซา ลาซาโร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์โพสต์ในโซเชียลมีเดีย X ว่า “ฉันย้ำในจุดยืนที่มีเสมอมาของฟิลิปปินส์ และแสวงหาหนทางในการลดความตึงเครียด” โดยโพสต์ดังกล่าวเป็นภาพที่เธอจับมือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เฉิน เสี่ยวตง
ลาซาโร ระบุด้วยว่า “เราตกลงที่จะหารือกันต่อในเรื่องความร่วมมือ โดยเฉพาะเรื่องกลไกช่องทางติดต่อสายตรง ความร่วมมือการพิทักษ์ชายฝั่ง และความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเล”
กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ที่มีเนื้อความว่า ลาซาโรและเฉินมีการแลกเปลี่ยนความเห็นที่ตรงไปตรงมาและจริงใจ
สันดอนซาบีนา ซึ่งจีนเรียกว่าแนวปะการังเซียนบิน และฟิลิปปินส์เรียกว่าสันดอนเอสโกดา ตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดพาลาวันของฟิลิปปินส์ราว 150 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะภายในระยะ 200 ไมล์ทะเลของรัฐบาลมะนิลาตามหลักสากล
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีเหตุเรือของจีนและฟิลิปปินส์ชนกันในพื้นที่ดังกล่าวหลายครั้ง ซึ่งทั้งคู่กล่าวโทษฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
จีนประกาศว่าอาณาบริเวณส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้เป็นเขตอธิปไตยของจีน ซึ่งพื้นที่เหล่านั้นกินแดนเข้าไปในน่านน้ำของบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม
เมื่อปี 2016 ศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮก ประกาศว่าการกล่าวอ้างดังกล่าวของจีนเป็นโมฆะ แต่จีนปฏิเสธคำตัดสินนี้
กองทัพเรือฟิลิปปินส์กล่าวว่า ในช่วงนี้พบเรือของจีนจำนวนทั้งสิ้น 207 ลำ รวมถึง ‘เรือพลเรือนติดอาวุธ’ ภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของตน และมีหลายสิบลำที่เห็นอยู่ใกล้กับสันดอนซาบีนา
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น