บริษัทยาไฟเซอร์ (Pfizer) และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติเยอรมัน ไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ที่ร่วมกันพัฒนาวัคซีนต้านโคโรนาไวรัส ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องขออนุญาตใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉินต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA แล้ว โดยตั้งเป้าเริ่มแจกจ่ายไม่กี่วัคซีนภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังได้รับอนุญาต
การยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนครั้งนี้มีขึ้นหลังไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคเผยว่า วัคซีนที่พัฒนาได้ผลถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรง
ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคระบุในเอกสารแถลงข่าวว่า ทั้งสองบริษัทกำลังทำเรื่องขออนุญาตแจกจ่ายวัคซีนในออสเตรเลีย แคนาดา ยุโรป ญี่ปุ่น และอังกฤษเช่นกัน และวางแผนยื่นเรื่องขออนุญาตจากองค์กรกำกับดูแลทั่วโลกโดยทันที
เจสเซ กู้ดแมน อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ FDA อธิบายว่า FDA กำหนดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่จะอนุญาตให้ใช้ได้เป็นการฉุกเฉินว่า เพียงแค่ “อาจมีประสิทธิภาพ” ก็อาจได้รับการอนุญาตแล้ว โดย FDA จะประเมินจากข้อมูลที่มีว่าผลิตภัณฑ์นั้น มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงหรือไม่
ดร. แอนโทนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ตนเข้าใจว่าประชาชนอาจกังวล เนื่องจากวัคซีนถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่มั่นใจว่าวัคซีนนี้จะปลอดภัย และการพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็วไม่ได้แลกมาด้วยการหย่อนหย่านด้านความปลอดภัยของวัคซีน แต่ในทางกลับกัน กลับแสดงถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้พัฒนาวัคซีนได้ในเวลาไม่กี่เดือน
อย่างไรก็ตาม ดร. เฟาชี่ เตือนว่า ประชาชนยังคงต้องป้องกันดูแลสุขภาพของตนเอง แม้ว่าอาจมีการแจกจ่ายวัคซีนในไม่ช้าก็ตาม
ทางด้านโมเดอร์นา (Moderna) บริษัทยาสัญชาติอเมริกันที่เพิ่งประกาศความคืบหน้าโครงการของตนเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า ผลการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับวัคซีนของไฟเซอร์เช่นกัน โดยทางโมเดอร์นาวางแผนขออนุญาตใช้ยาเป็นการฉุกเฉินต่อ FDA ภายในไม่กี่สัปดาห์นับจากนี้ด้วย