เพนตากอนยืนยันว่า รายงานข่าวที่ระบุว่า จีนและคิวบาบรรลุข้อตกลงลับที่จะจัดตั้งศูนย์สอดแนมเพื่อดักฟังข้อมูลการสื่อสารของสหรัฐฯ บนเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากรัฐฟลอริดาเพียง 160 กิโลเมตรนั้น “ไม่มีมูลความจริง” เลย
พลจัตวาแพ็ต ไรเดอร์ โฆษกเพนตากอน บอกกับผู้สื่อข่าวประจำที่ทำการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีว่า “ผมบอกพวกคุณได้ว่า จากข้อมูลที่เรามีอยู่ เรื่องนั้นไม่จริง – เราไม่ได้รับแจ้งว่า จีนและคิวบากำลังพัฒนาสถานีสายลับดังที่ว่าอยู่เลย”
ข่าวดังกล่าวที่หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล (The Wall Street Journal – WSJ) เป็นสื่อแห่งแรกที่รายงานออกมา โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ ระบุว่า จีนได้ตกลงที่จะจ่ายเงินเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับคิวบาเพื่อจัดตั้งศูนย์การสอดแนม เพื่อเปิดทางให้กรุงปักกิ่งสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ อันเป็นที่ตั้งของฐานทัพอเมริกันหลายแห่งได้อย่างง่ายดาย
พลจัตวาไรเดอร์ กล่าวเสริมด้วยว่า เพนตากอนไม่ได้รับแจ้งข้อมูลว่า จีนกำลังจัดตั้งฐานทัพใด ๆ ในคิวบาหรือที่อื่นใดในโลกด้วย
อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่า เพนตากอนกำลังจับตาดูความสัมพันธ์ระหว่างคิวบาและจีน พร้อม ๆ กับ “กิจกรรมเชิงบังคับหรือกิจกรรมตีรันฟันแทง” ของฝ่ายจีนในซีกโลกตะวันตกเช่นกัน
นอกจากเพนตากอนแล้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของทำเนียบขาวกล่าวว่า รายงานข่าวในเรื่องนี้ “ไม่ถูกต้อง” เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายหนึ่งที่ขอไม่เปิดเผยตัวตน บอกกับ วีโอเอ ว่า สหรัฐฯ ยังคง “สามารถทำตามพันธกรณีด้านความมั่นคงทั้งในประเทศและทั่วภูมิภาคได้อยู่” และว่า “ในภาพกว้าง ๆ นั้น เราตระหนักเป็นอย่างดีเกี่ยวกับความพยายาม [ของจีน] ที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกที่อาจมีจุดประสงค์ทางการทหารอยู่ ซึ่งรวมถึงในซีกโลกตะวันตกด้วย”
และในวันศุกร์ กระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า “ปล่อยข่าวลือและหมิ่นประมาทให้ร้าย” ตามรายงานของรอยเตอร์
โฆษกของสถานทูตคิวบาในกรุงวอชิงตัน บอกกับ วีโอเอ ด้วยว่า รายงานข่าวของ “WSJ” นั้นเป็น “เรื่องเท็จ”
เมื่อวันพฤหัสบดี คาร์ลอส เฟอร์นานเดซ เดอ คอสสิโอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคิวบา กล่าวว่า รายงานข่าวนี้ เป็นเรื่อง “เท็จและโคมลอยทั้งสิ้น” และว่า “การหมิ่นประมาทให้ร้ายอย่างนี้มักเกิดขึ้นจากฝีมือของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อยู่บ่อย ๆ” ด้วย
อย่างไรก็ดี นิโคลัส เอฟทิมิอาเดส อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองที่เกษียณไปแล้ว บอกกับผู้สื่อข่าววีโอเอ ภาคภาษาจีนกลาง ว่า คิวบา “น่าจะอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลสื่อสารทางทหารจากดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้า (geostationary satellite) ต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอน” และว่า “นี่คือโครงการรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง และไม่ได้เป็นเรื่องเกินคาด ผมคิดว่า มันน่าจะดำเนินมาสักระยะหนึ่งแล้วด้วย ... มันเป็นภัยคุกคามอีกประการต่อความมั่นคงแห่งชาติที่เราต้องรับมือให้ได้”
ทางเลือกที่มีไม่มาก
เจมส์ แอนดรูว ลูอิส ผู้อำนวยการโครงการนโยบายเทคโนโลยีและสาธารณะ จาก Center for Strategic and International Studies ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองในกรุงวอชิงตัน บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ภาคภาษาจีนกลาง ว่า สหรัฐฯ มีทางเลือกที่จะจัดการเรื่องนี้อยู่ไม่มาก
ลูอิส กล่าวว่า “เพราะคิวบาอยู่ใกล้กับสหรัฐฯ มาก [ประเทศนี้] เลยเหมือนอยู่ในเครือข่ายโทรศัพท์เดียวกันกับของอเมริกา” และว่า “ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะต้องการให้มีสถานีดักฟังของจีนมาตั้ง เราก็ทำอะไรไม่ได้มาก”
ทั้งทำเนียบขาวและสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยมองว่า จีนเป็นคู่แข่งสำคัญด้านการทหารและเศรษฐกิจ ในฐานะที่สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ตามมาด้วยของจีน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์ที่บอลลูนต้องสงสัยว่าเป็น อุปกรณ์สอดแนมของจีน ลอยผ่านน่านฟ้าสหรัฐฯ จากชายฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออก ก่อนจะถูกกองทัพสหรัฐฯ ยิงตกในมหาสมุทรแอตแลนติก นักการเมืองสังกัดพรรครีพับลิกันต่างก็ออกมาโจมตีรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่ายอมปล่อยให้เกิดเหตุสอดแนมของจีนในซีกโลกตะวันตก แม้จะไม่มีความชัดเจนว่า จริง ๆ แล้ว สหรัฐฯ จะสามารถทำอะไรเพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้ได้หรือไม่ก็ตาม
ถึงกระนั้น นิกกี้ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติและหนึ่งในผู้สมัครลงชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี ค.ศ. 2024 ระบุในข้อความที่ทวีตออกมาว่า “โจ ไบเดน ควรจะตื่นขึ้นมารับรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามที่แท้จริงจากจีนที่หน้าประตูบ้านของเราได้แล้ว”
ส่วน ส.ว.มาร์โก รูบิโอ สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐฟลอริดา ทวีตข้อความออกมาว่า “ภัยต่ออเมริกาจากคิวบานั้นไม่ใช่เพียงแต่เป็นเรื่องจริง แต่มันยังเลวร้ายกว่าที่เห็นอยู่นี้ด้วย”
- ที่มา: วีโอเอ