รัฐบาลไทยเชื่อว่า การเจรจาสงบศึกกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศ “ประสบความสำเร็จ” อย่างดี และแสดงความหวังว่า จะได้หาข้อสรุปเกี่ยวกับกฎเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงระยะยาวได้ภายในสิ้นปีนี้
ชยุต จิตมานะ โฆษกของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี พลเอก วัลลภ รักเสนาะ เป็นหัวหน้า บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลรู้สึกพอใจกับความสำเร็จที่ว่านี้ เนื่องจากว่า ในอดีตนั้น ช่วงเดือนรอมฎอนมักมีสถิติการเกิดเหตุความรุนแรงสูง แต่ในปีนี้ ตัวเลขลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ ในส่วนของบรรยากาศทั่ว ๆ ไป นั้น ประชาชนให้ข้อเสนอแนะที่ดีต่อรัฐบาล ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถทำการสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาได้โดยไม่ต้องกลัวกรณีเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความพยายามของรัฐบาลในการเจรจาสันติภาพไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย จนกระทั่ง คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขและขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (Barisan Revolusi Nasional - BRN) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ใหญ่และมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด ร่วมกันประกาศสงบศึกในช่วงระหว่างวันที่ 1 เมษายนจนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม ที่คร่อมช่วงเทศกาลเดือนรอมฎอน
ข้อมูลจากคณะเจรจาฯ ระบุว่า รัฐบาลรายงานว่า เกิดเหตุความรุนแรงเพียง 1 ครั้งในช่วงที่มีการสงบศึก ซึ่งเป็นเหตุระเบิดคู่ 2 จุดเมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ทำให้มีพลเรือน 1 รายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายเสียชีวิต โดย องค์การปลดปล่อยสหปัตตานี หรือ พูโล เป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวและทำการโจมตีด้วยเหตุผลว่า ตนไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาล
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรัฐบาลไทยระบุว่า ในปีที่แล้ว เกิดเหตุความรุนแรงถึง 14 ครั้งในช่วงเดือนรอมฎอน ขณะที่ กลุ่ม Deep South Watch รายงานสถิติการเกิดเหตุมากกว่าตัวเลขของภาครัฐถึง 2 เท่า ในปี ค.ศ. 2564 และ 2562 ซึ่งถือว่า ลดลงอย่างมากจากสถิติเกือบ 100 ครั้งในปีก่อนหน้า และสถิติสูงสุดที่ราว 250 ครั้งในปี ค.ศ. 2556
โฆษกของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ระบุว่า กองกำลังความมั่นคงได้งดทำการบุกค้นพื้นที่ต้องสงสัยและที่ซ่อนต่าง ๆ ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ รวมทั้งงดการออกหมายจับ เพื่อแลกกับการที่กลุ่ม BRN ไม่ออกมาก่อเหตุการณ์ความรุนแรงใด ๆ ในช่วงที่ตกลงกันไว้ ขณะที่ สมาชิกระดับล่าง ๆ ของกลุ่มดังกล่าวจำนวน 100 คน ได้ยอมตกลงรับข้อเสนอจากรัฐบาลเพื่อจะได้ออกมาภายนอกเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวและเพื่อนฝูงตามมัสยิดทั้งหลายได้โดยอิสระและไม่ต้องกลัวว่า จะถูกจับกุม
ดร.รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช อาจารย์จากสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้ความเห็นว่า การเจรจาสงบศึกในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งหนึ่ง โดยการพูดคุยดังกล่าว พิสูจน์ให้ทางกองทัพไทยว่า หัวหน้ากลุ่ม BRN ที่มาเจรจานั้นเป็นผู้ที่มีอำนาจควบคุมขบวนการนี้จริง ขณะที่ ทางฝ่าย BRN ก็ได้เห็นว่า กองทัพไทยที่มีจุดยืนแบบสายเหยี่ยวนั้นยินดีที่จะเปิดโอกาสให้คณะพูดคุยฯ ลองแก้ปัญหาความขัดแย้งดูจริง
อย่างไรก็ดี ดร.รุ่งรวี เตือนว่า จุดยืนที่แตกต่างระหว่างคนในรัฐบาลที่ยึดแนวทางสายเหยี่ยวและแนวทางสายพิราบนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ข้อยุติและประเด็นนี้ยังอาจมีผลกระทบต่อความพยายามเจรจาหยุดยิงได้อยู่
- ที่มา : วีโอเอ
