โรงรับจำนำยังคงเป็นเพื่อนยามยากของชาวอเมริกัน 30 ล้านคน ด้วยจำนวนโรงรับจำนำอยู่ที่ราว 11,000 แห่งในประเทศ ขณะที่รูปแบบของโรงรับจำนำก็เริ่มเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์มาเป็นที่พึ่งพาด้านการเงินของชาวอเมริกันได้ในช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา
นายเอริค ไรเซอร์ เจ้าของโรงรับจำนำหลายสาขาในรัฐเวอร์จิเนีย ไม่ไกลจากรุงวอชิงตัน บอกว่า ตัวอย่างสินค้าที่ลูกค้านำมาจำนำมา มีตั้งแต่ผลงานศิลปะ ของเก่าแก่มีค่า พรม ของที่ระลึกจากวงการกีฬา สินค้าราคาแพงที่หาชมได้ยาก ไปจนถึงรถตักหิมะ และคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ราคาแพง
เอริค บอกว่า หากเดินชมรอบๆร้าน จะพบภาพวาดปิกัสโซของแท้ เครื่องประดับ และนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนหรู หรืออาจจะได้พบหัวนกโบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 100 ปีก็ได้
ด้านนายไมค์ โธเมน ผู้จัดการโรงรับจำนำ Top Dollar Pawn ในรัฐแมรีแลนด์ บอกว่า เงินกู้เฉลี่ยของผู้ที่นำของมีค่ามาจำนำอยู่ที่ 150 ดอลลาร์ หรือราว 5,000 บาท และลูกค้าส่วนใหญ่จะนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายให้ผ่านพ้นไปในรายสัปดาห์ เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำค่าไฟ หรืออาจจะเป็นเงินด่วนกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝัน
ปัจจุบัน โรงรับจำนำในอเมริกา มีรายได้หลักจากดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารทั่วไป ด้วยเงื่อนไขที่ว่าจะต้องนำเงินมาไถ่คืนภายใน 30 วัน ไม่เช่นนั้นของนั้นจะหลุดจำนำ และนำไปขายทำรายได้ต่อให้กับธุรกิจ ซึ่งสินค้าหลุดจำนำมากมายก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนหนึ่ง เช่น กีตาร์ Gibson Les Paul ในยุค 50-60 ซึ่งทางโรงรับจำนำในอเมริกา เริ่มปรับช่องทางจำหน่ายสินค้าหลุดจำนำทางออนไลน์กันมากขึ้น